ยังไม่เชื่อใจ”วัคซีนลุง”
@ในจังหวะที่”หน้างานโควิดภาค3 “ยังพีคทั้ง”ตัวเลข “เจ็บตายจาก “โควิด”ที่วันนี้(10พ.ค.) ยังทรงตัวเสียชีวิต 22 สะสม 421 ป่วยอีก1,630 สะสม 85,005 หายป่วย 1,603 ราย ขณะ”สถานการณ์ระบาด”ในเมืองหลวง กรุงเทพปริมณฑลจาก”คลัสเตอร์คลองเตย”ลามสู่”คลัสเตอร์ชุมชนแออัด”อื่นๆ ไล่ตั้งแต่ ห้วยขวาง ป้อมปราบ ไม่นับรวมคลัสเตอร์ตลาดเมืองนนท์ และอีกหลายจุด แบบที่เป็นการประเมินไปในตัวว่า ปฏิบัติการ “ยึดอำนาจรัฐมนตรี”ดึง “31พรบ.”มาอันเดอร์นายกฯแบบ “ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว”ยังไม่ได้ผลนัก จนวันก่อน “ลุงตู่”ต้องตั้ง “กรรมการเฉพาะกิจ”ซ้อนทับ “ศบค.ใหญ่”และ “ศบค.เล็ก”ขึ้นมาอีกคณะคือ “คณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อบูรณาการด้านการแพทย์และสาธารณสุข” ที่มี “บิ๊กเล็ก” เป็นประธาน ที่ว่ากันว่า “บิ๊กวิน”ผู้ว่ากทม.ที่ก่อนหน้านี้ปีงไอเดียแจกยารักษาโควิด มีการ ยอมรับ ผ่านภาพการ “โยนผ้า”ให้กรรมการ ต่อ “หน้างาน”ที่สรุปในรายงานของกรรมการชุดนี้ ว่า “เอาไม่อยู่”
@ที่แม้ว่าใน มิติปัญหาเรื่อง “เตียงสนาม” และปัญหา การรองรับผู้ป่วยของโรงพยาบาลต่างๆ จะเริ่มแก้ได้กับความร่วมมือจากหลายฝ่ายเอกชน กองทัพ ไปบ้างแล้วไม่นับรวมการให้ประชาชน “ยกการ์ดสูง”อยู่บ้านหยุดเชื้อ ไปจนถึงมาตรการเข้ม “กึ่งล็อกดาวน์” ปิดร้านบันเทิง จำกัดเวลาห้างร้านสะดวกซื้อ ห้ามนั่งกินที่ร้านอาหารจนเริ่มมีเสียงร้องโอดครวญจากประชาชนที่เจ็บซ้ำไม่รู้จบ แต่ก็ยังไม่สามารถลดปริมาณตัวเลขการระบาดที่กำลังกระจายลุกลาม ที่พบว่าอยู่ที่ “การสร้างภูมิคุ้มกันหมู่” เพื่อควบคุมและชะลอการระบาด โดย “การฉีดวัคซีน”ให้ประชาชนนั้นเป็น “พ้อยสำคัญ”ที่ทำให้ “ลุงตู่”ออกมาชู “วัคซีนโควิด” เป็น “ทางออกสุดท้าย”โดยระบุวันก่อน(7พ.ค.) ทำนอง ว่า “ได้รับคำยืนยันแล้วจากทั่วโลกว่า ฉีดดีกว่าไม่ฉีด ฉีดเข็มเดียวก็ยังดีกว่าไม่ฉีด ดังนั้นเราต้องมีวัคซีนให้เพียงพอสำหรับคนไทยทุกคน เรามีผู้ใหญ่ราว 60 ล้านคน เท่ากับต้องมีวัคซีนอย่างน้อย 120 ล้านโดส โดยคำนึงถึงแรงงานอื่นๆที่อยู่ในภาคธุรกิจด้วย
@นายกฯยังย้ำว่าการตัดสินใจภาพใหญ่อีกเรื่อง คือการปรับแนวทางการฉีดวัคซีน โดยเร่งเครื่องฉีดวัคซีนเข็มแรกให้ประชาชนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทางการแพทย์มีความเห็นในทางเดียวกันว่า การฉีดวัคซีนแม้เพียงเข็มแรก ก็สามารถช่วยลดโอกาสการรับเชื้อ ลดความรุนแรงของอาการ ลดโอกาสเสียชีวิตได้อย่างมาก ดังนั้น จึงให้ปูพรมฉีดวัคซีนเข็มแรกให้ได้มากที่สุด คาดว่า ภายในเดือนกรกฎาคม จะมีประชากรผู้ใหญ่ครึ่งหนึ่งของประเทศที่ได้รับการฉีดวัคซีน
@นอกจากนี้ “ลุงตู่”ยัง “ปลดล็อก”ประเด็น “วัคซีนทางเลือก”โดย มีมอบอำนาจให้ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เป็น ตัวแทนรัฐบาลจัดหาและนำเข้าวัคซีนอีกหน่วยงานหนึ่ง นอกจาก องค์การเภสัชฯ แห่งเดียว ซึ่ง วิทยาลัยจุฬาภรณ์ มีการทำเอ็มโอยูกับปตท. ให้ ช่วยกระจายวัคซีนไปฉีดให้ประชาชนทั่วประเทศ ที่แม้ประเด็น “วัคซีนทางเลือก”ที่เพิ่งมีการเซ็นต์กับ “ไฟเซอร์”และจ่อคิวอีกหลายยี่ห้อ
แม้บางฝ่ายเห็นด้วยที่จะทำให้คนรู้สึกไม่ถูกบังคับฉีด 2 ยี่ห้อคือ “ซิโนแวค”กับ “แอสตร้าเซเนก้า” แต่บางฝ่ายก็มองว่าเป็น “ดาบสองคม”ที่ทำให้ไป “คนรอวัคซีนทางเลือก”ที่กว่าจะมาก็ปลายปีไม่ทันสถานการณ์ระบาดตอนนี้ ดัง “ตัวเลข”และ “สถานการณ์หน้างาน”ที่แสดงผลทุกวันตอนนี้ที่เกิดภาพความไม่มั่นใจในผลกระทบจากการฉีดวัคซีน
@เรียกว่า “ดูทรง”การเทคแอ๊คชั่นของ “ลุงตู่”ตั้งเป้า “ลุย”เรื่อง “วัคซีน”เป็นทางออกทั้ง “แก้โควิด”และ “แก้เศรษฐกิจ” เหมือนจะเวิร์ก แต่พอมาดูผลทางปฏิบัติกลับ “เข็นไม่ขึ้น”ในด้านความร่วมมือจากประชาชน โดย จากข้อมูล ผู้ลงทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีนกลุ่มแรกราว 16 ล้านคน ที่แยกเป็น กลุ่มผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไปประมาณ 11.7 ล้านคน กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 4.3 ล้านคน ปรากฏว่าผ่านมา 10 วัน มีผู้ลงทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีนไม่ถึง 2 ล้านคน หายไป 9 ล้านคน ที่ไม่กล้าไม่มั่นใจวัคซีน ที่หลายฝ่ายประเมินว่า เกิดจาก “ความไม่มั่นใจ”ในคุณภาพและผลกระทบ 2วัคซีนที่ “ถูกล็อก”ไว้ก่อนหน้า
@ที่ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา “รัฐบาล”และ “หมอ”ไม่ได้ชี้แจงทันกับเคส “เอฟเฟ็กต์วัคซีน”จนบานมาสู่ปม “วัคซีนทางเลือก”ที่รัฐบาลถูกกดดันจนมีการประกาศเรื่องจะนำเข้า “ไฟเซอร์” 20 ล้านโดสที่ก็ยังมีปัญหาตามมากับความชัดเจนการบริหารจัดการ การกระจาย “วัคซีนยี่ห้ออื่น”นอกจาก2ยี่ห้อ “ซิโนแวค-แอสตร้า” ว่าจะฉีดใครกลุ่มไหน
ไม่นับรวมการกลับไปกลับมาเรื่อง “ซิโนแวค”ฉีดใน “ผู้สูงอายุ” ที่ทุกอย่าง กลายมา “ย้อนศร”ให้คนรอ “วัคซีนทางเลือก”ไม่ยอมฉีด 2 ยี่ห้อที่รัฐบาลกำลังเร่งกระจาย ถึงขนาดบรรดา “อาจารย์หมอ”ต้องออกมากราบขอร้องวิงวอนประชาชนให้ “เชื่อหมอ”ฉีดไปก่อน เอฟเฟ็กต์ไม่อันตราย ไม่ถึงตายเท่ากับ “โควิด” แต่ก็ดูเหมือนจะไม่สามารถคลายความ “แพนิก”ประชาชนที่ “ไม่เชื่อมั่น”ใน “วัคซีนลุงตู่”ลงได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news