ฉีด“วัคซีนลุง”เพื่อชาติ
ฉีด“วัคซีนลุง”เพื่อชาติ
@จับอารมณ์สังคมยามนี้ กำลังถูกให้ต้อง ชั่งใจ วัดน้ำหนัก ระหว่าง“ความกลัว” “โควิดรอบ3” กับความกลัว ในการฉีด“วัคซีน” โดยเฉพาะผลจาก”ศัตรูตัวร้ายที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน“จนต้องให้ทุกวัดจัดพิธีสวดมนต์ไล่โควิดตั้งแต่เย็นนี้ อย่างที่“ลุงตู่”ว่าไว้วันนี้(11พ.ค.) ยังน่าห่วง มีคนตาย 20-30 คน เจ็บแตะระดับ 2 พันรวมถึงคนป่วยหนัก โดยยอดล่าสุด คนตายพุ่งไปที่ 31 รวม 452 ติดเชื้อเพิ่ม 1,919 สะสม 86,924 รักษาหาย 1,829 ที่แม้“ลุงตู่”จะแจงว่าเพราะ“การตรวจเชิงรุก” กับพื้นที่คลัสเตอร์คลองเตยและหลายชุมชนแออัด ทำให้ ตัวเลข“ขาขึ้น” สวนทางกับ“ตัวเลข”ของการ“จองฉีดวัคซีน”ที่พบว่า 10 วันผ่านไป การจองผ่าน“แอปหมอพร้อม”ไม่เข้าเป้าที่ตั้งไว้ 16 ล้าน ผู้สูงอายุ 11.7 โรคร้ายแรง 4.3 ล้าน มีคนจองคิว 1,642,254 กรุงเทพ 5 แสน ต่างจังหวัด 1.1 ล้านราย เนื่องมาจาก“ความกลัว”ของผู้คน หลังจากที่ใน “กลุ่มแรก”หมอพยาบาลฉีดไปช่วง 28 ก.พ.-9พ.ค. 1.8ล้านโดส จาก 2.4 ล้านโดส และมีข่าว“เอฟเฟควัคซีน”ที่ประเทศไทยมีเพียง 2 ยี่ห้อ คือ “ซิโนแวค” และ “แอสตร้าเซเนก้า” ทำให้ข้าราชการโดนวิจารณ์ฉีดช้าส่วนรัฐบาลโดนว่าทำไมซื้อวัคซีนมาปริ่มน้ำ
@แต่ที่“ลุงตู่”และ“หมอ”ห่วงคือ“อาการแพนิกวัคซีน”ที่กำลังส่งผลกระทบกับ“ภาพรวม”ของการระบาดที่รวดเร็วอย่างไม่มี“ภูมิคุ้มกันหมู่”ที่“หมอ”ในโรงพยาบาลเริ่มไม่ไหวกับจำนวนคนไข้โควิดที่มาระดับ 2 พันทุกวัน จนวันนี้“ลุงตู่”ต้องขอมติครม.ประกาศให้ “การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ”และเตรียมลงพื้นที่ ดูการฉีดวัคซีน ในกทม.ประเดิม ที่ เซ็นทรัลลาดพร้าว พรุ่งนี้(12พค.) โดยย้ำว่า วัคซีนที่มี ปลอดภัย-มีประสิทธิภาพ และฉีด ดีกว่า ไม่ฉีด โดยให้ถือว่าทำเพื่อประเทศชาติ
@เพราะในขณะที่ ตั้งแต่เดือน มิ.ย.เป็นต้นไป วัคซีนแอสตร้า 6 ล้านโดสจะเข้ามา และ ตั้งแต่เดือน ก.ค. จะเข้ามาอีก เดือนละ 10 ล้านโดส แต่ปรากฏว่าการแค่จองฉีดจากกลุ่มแรก 16 ล้านคนในกลุ่มสูงอายุกับกลุ่ม 7 โรคร้ายแรง กลับ“ล้มเหลว”เพราะ“คนกลัว”และสับสนกับข้อมูลวัคซีนที่จำกัดอยู่ 2 ยี่ห้อก่อนจะมาขยาย“วัคซีนทางเลือก”ไฟเซอร์ เมอร์เดอร์น่า ไม่นับรวม การกลับไปมาที่ให้ผู้สูงอายุฉีดซิโนแวคได้ ที่ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในข้อมูลที่ออกมาจากรัฐบาลและหมอ หลังจากนั้น และทำให้เกิดอาการลังเลที่จะรอวัคซีนทางเลือกที่รัฐบาลบอกว่าคุยกับ“ไฟเซอร์”แล้ว ซึ่งเอาเข้าจริงกว่าจะติดต่อกว่าจะเอาเข้ามาได้ก็อีก 3-4 เดือน ซึ่งไม่ทันการต่อสถานการณ์ระบาด
@จนเริ่มมีบุคคลหลายวงการทั้งการเมือง หมอ ออกมาละความเป็นขั้วข้างที่เห็นต่าง อย่างที่“นายกฯ”ขอ พยายามแนะนำให้มีการปรับแผนกระจายวัคซีนซึ่งเป็นไปตามแนวเดียวกัน คือเร่งกระจายวัคซีนให้มากที่สุดเร็วที่สุดอย่างที่“ลุงตู่”ก็เริ่มมีการเดินแนวนี้ เช่น ข้อแนะนำจาก ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ที่ว่า แผนเดิมที่กระทรวงสธ.วางไว้ เป็นตอนการระบาดยังไม่เยอะ แต่ตอนนี้ การระบาดสูงขึ้น ดังนั้นเป้าหมายไม่เหมือนกันแล้ว เป้าหมายแรกคือ“การป้องกันไม่ให้คนติดโรค” ดังนั้น เป้าหมายตอนนี้คือ “ป้องกันไม่ให้คนที่กำลังจะติดเชื้อหรือาจติดเชื้อแล้วไปแพร่กระจายเชื้อ” ซึ่งเป็นเรื่องของการระบาดวิทยา โดยเห็นด้วยเราต้องฉีดให้ได้มากสุดเร็วสุด โดยไม่ต้องเป็นไปแนวเดิม โดย“วัคซีน”ควรเข้าไปหาคนไม่ใช่คนเข้าไปหา“วัคซีน”
@ก็สอดรับกับถ้อยแถลงของนายกฯ วันนี้ ที่นอกจากการตรวจเชิงรุกในพื้นที่เสี่ยงต่อไปให้มากและเร็วที่สุด จะเร่งระดมฉีดวัคซีน สร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนให้มากที่สุด เพื่อตัดวงจรสะเก็ดไฟ ซึ่งจนถึงวันนี้ ได้มีการฉีดวัคซีนในพื้นที่คลองเตยไปแล้วมากกว่า 13,000 คน หรือเกือบ 30% ของเป้าหมาย ที่จะฉีดให้ได้อย่างน้อย 5 หมื่นคน และพื้นที่ปทุมวันที่อยู่ใกล้เคียง ได้ฉีดวัคซีนไปแล้วมากกว่า 50% ของเป้าหมาย 14,000 คน โดยเฉลี่ยแล้วทั้งสองเขตฉีดได้มากกว่าวันละ 2,000 คน ซึ่งผลการดำเนินการจากคลัสเตอร์คลองเตย จะเป็น“โมเดล”การจัดการกับการแพร่ระบาดในพื้นที่เขตอื่นๆ ของ กทม.และปริมณฑล รวมทั้งในต่างจังหวัดด้วย
@ทั้งหมดทั้งมวลต้องติดตามต่อไปว่า ยุทธวิธี เอาชนะศึก โควิดฯ แบบ ตัดวงจร สะเก็ดไฟ ของ“ลุงตู่”กับ“ศัตรูตัวร้ายโควิด”โดยขอให้ประชาชน“ช่วยชาติ”ด้วยการ“ฉีดวัคซีน”ที่ยืนยันว่าปลอดภัยจะได้ผลหรือไม่จากนี้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news