ล็อกดาวน์-เคอร์ฟิว
@ในที่สุด “ศึกโควิดเวฟ4” ที่ดุดันหนักหน่วงจน“หมอไม่ทน”ออกมาม็อบผูกริบบิ้นดำจี้รัฐบาลจัดวัคซีนคุณภาพ mRna จะไฟเซอร์ หรือโมเดอร์นา ก็ได้ รีบบูทส์ฉีดให้ก่อน เพื่อเป็น“เกราะป้องกัน”หมอพยาบาลเจ้าหน้าที่กำลัง ยัน“ข้าศึกโควิดพันธุ์ดุเดลต้า”ไม่ให้เข้ามาถึง“ปราการด่านสุดท้าย” ของระบบสาธารณสุข..ในขณะหมอก็ “รับไม่ไหว” กับแรงกดดัน กับสภาพอเนจอนาถของผู้ป่วยโควิด รอเตียงเสียชีวิตคาบ้านที่ทวีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ที่คนไข้บางรายก็ฆ่าตัวตาย เพราะทนความทรมานไม่ได้
ในขณะที่บางโรงพยาบาลในวกรุงเทพฯก็เตียงล้นจนต้องนำคนไข้ออกมานอนลานจอดรถ ขณะที่ บุคลากรทางการแพทย์ “หน้างาน” ที่ทำงานหนักต่อเนื่องแบบเสี่ยงๆจนเป็นลม บางรายใจแป้ว ที่เห็นเพื่อนๆ ฉีดวัคซีนชิโนแวคแล้ว 2 เข็มยังติดโควิดจนต้องปิดวอร์ดฉุกเฉิน
@ที่สถานการณ์ยิ่งนานวันกับการรอ “วัคซีนหลัก” แอสตราเซเนกา ที่เป็นปัญหา ในขณะที่ “โควิดเดลตา” ที่ระบาดเร็วแรงกว่า“อัลฟ่า”ไม่รอด้วย ยิ่งทำให้ตัวเลขตายติดชื้อยิ่งนับวันยิ่งหนักถึงขนาด ศบค. เองก็ประมาณการว่ามีโอกาสแตะหมื่นต่อวัน ที่ยังไม่นับรวมกับที่วันก่อนหมอรามาฯออกมาบอกว่าการติดเชื้อเสียชีวิตของจริงน่าจะมีมากกว่าที่ศบค.รายงาน ดัง “ตัวเลขนิวไฮ” ต่อเนื่องระดับ5-6พันอัพเป็นวันที่ 8 นับตั้งแต่เข้าเดือนกรกฎาคมมา ที่ออกมาวันนี้ ที่มีผู้เสียชีวิต 75 ติดเชื้อ 7.058 ราย สะสม 308,230 ราย
@เรียกว่าสถานการณ์ ที่สุดก็มาถึงจุดที่ “นายกฯลุงตู่” ต้องตัดสินใจ ยกระดับมาตรการเพื่อควบคุมการระบาดของ “โควิด19” “ล็อกดาวน์ประเทศ 14วัน” แทน “เปิดประเทศ120วัน” ที่เคยประกาศและ “ชิมลาง”กับ “ภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์” ที่ผลออกมาคือ“ลุงตู่”ต้องมานั่งกักตัวทำงานจากที่บ้านรอดูอาการ โดยวันนี้(8ก.ค.) กระทรวง สธ.เสนอ ให้ทำการ“ล็อกดาวน์” ขั้นสูงสุด 14 วัน -ไม่ออกนอกบ้าน ยกเว้นไปหาอาหาร พบหมอ และฉีดวัคซีน-ห้ามเดินทางข้ามจังหวัด -ปิดสถานที่ไม่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตทั้งหมด โดย จะนำเสนอ ศบค.เพื่อประกาศพรุ่งนี้ 9 กค. โดย”นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต” ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมกับคณะที่ปรึกษาด้านสาธารณสุข ศบค. และ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ในพื้นที่ กทม.แถลงกับประชาชนว่า เตรียมยกระดับใช้มาตรการเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นระยะเวลา 14 วันตามระยะฟักตัวของโรค ซึ่งมาตรการนี้จะเข้มข้นไม่น้อยไปกว่ามาตรการช่วงการระบาดใน “เวฟ1” เดือน เม.ย. 2563
@นอกจากนี้ ในส่วนของกรมควบคุมโรค ยังมีการออกมาตรการหลักออกมาในช่วง “ล็อกดาวน์” คือ 1. ตอนนี้เตรียมอนุมัติให้ใช้ชุดตรวจ Rapid antigen ตามรพ.ที่ขึ้นทะเบียนไว้แล้วและต้องมีเตียงไว้รองรับผู้ป่วยด้วย เพื่อความรวดเร็วในการคัดกรอง เริ่มต้นที่กรุงเทพและปริมณฑลก่อน ต่างจังหวัดถ้าเกิดคอขวดเมื่อไหร่ถึงจะให้ใช้ Rapid antigen ตามไป โดย เงื่อนไขถ้าตรวจเจอเป็นบวก ก็ตรวจซ้ำด้วย PCR ถ้าไม่เจอก็กลับบ้าน และการทำ Rapid antigen Swab ที่บ้านอาจจะเป็นเฟสต่อไป
2. คนติดเชื้อที่ไม่มีอาการ จะผลักดันให้ไปกักตัวที่บ้าน หรือ Home isolation โดยมีทีมของสาธรณสุข กับทีมของ สปสช. เข้ามาช่วยดูแลติดตามผลให้ จะมีเครื่องมือวัดไข้และ Oxygen Sat วัดระดับออกซิเจนแจกให้ ถ้าทีมติดตามผลพบว่ามีอาการหนักขึ้นก็ให้ย้ายผู้ป่วยกลับมารพ.แทน
3. จะทำการเร่งฉีดวัคซีนในพื้นที่เสี่ยงและกลุ่มเสี่ยง ตามกรุงเทพฯและปริมณฑล ตั้งแต่สัปดาห์หน้า โดยวางแผนว่าจะให้มีการฉีดมากกว่า 1 ล้านโดสขึ้นไป
@เรียกว่า แม้ในทางการเมือง ด้านหนึ่งจะมี “บางฝ่ายการเมือง” ฉวยจังหวะออกมาซ้ำ “นายกฯลุงตู่” ที่กำลังโดนรุมถล่มจากสังคม ว่าเป็นส่วนสำคัญทำให้สถานการณ์มาถึงจุดนี้ แต่ด้านหนึ่ง นาทีนี้ทุกฝ่ายรวมถึงผู้คนประชาชนที่กำลังทั้ง “แพนิค”และ “โกรธ” ที่ตัวเองและครอบครัวอยู่ในสถานการณ์ “ไม่ปลอดภัย” ไม่รู้วันไหนจะติดโควิดและนำมาติดครอบครัว และจะต้องทุลักทุเลกับการยาก “เข้าถึงระบบสาธารณสุข” อย่างไร ดังนั้นจึงจำเป็น ที่ทุกคนทุกฝ่าย ต้องช่วยกันสู้ ศึก สงครามโควิด ที่มาถึงจุดอันตรายเดิมพันด้วยชีวิตครั้งนี้ไปให้ได้ แบบ เจ็บดีกว่าตาย และหากรอดค่อยกลับมาเช็คบิลกับ “นายกลุงตู่” ที่เคยประกาศ ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวอยู่แล้วก็ยังไม่สาย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news