ใครคือ”จุดอ่อน”ทีม”ไทยโควิด”
ใครคือ”จุดอ่อน”ทีม”ไทยโควิด”
@ยังพุ่งแรงหลักหมื่นอัพ เป็นวันที่สี่ กับยอดผู้ติดเชื้อ”โควิดเดลตา”วันนี้(20ก.ค.) อยู่ที่ 11,305 สะสม 426,475 ราย เสียชีวิต 80ศพ ในขณะรัฐบาล”นายกฯลุงตู่”นำร่อง นโยบาย WFH 100% เริ่มจาก ประชุม ครม. จาก บ้านพัก ทม.ร.1รอ. เป็นวันแรก ประเดิมการ “คลี่ปัญหา”ผลกระทบ จาก มาตรการ “ล็อกดาวน์”สกัด”โควิดติดเมือง”ที่เริ่มวันนี้ ซึ่ง ศบค.”บิ๊กเล็ก”จ0ประเมินทุก 7 วัน ใน 14วัน หากยังกดตัวเลขหมื่นลงมาไม่ได้ อาจนำ”อู่ฮั่นโมเดล”มาใช้ โดยมีการอ้างอิงถึง”แบบจำลองสถานการณ์ระบาด” 2 แบบ คือ แบบแรก ของคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ประเมินถึงวันที่ 17 ก.ค.64 ว่าหากรัฐบาลไม่ดำเนินการใดๆ เพื่อยกระดับมาตรการสกัดกั้นการแพร่ระบาดและปล่อยให้มีการติดเชื้อเรื่อยๆ กรณีแย่ที่สุด ในเดือน ต.ค.64 ประเทศไทยอาจจะมีผู้ติดเชื้อสูงถึง 31,997 ราย/วัน แต่หากควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีอาจก็จะมีผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 9,018-12,605 ราย/วัน
@ขณะที่ แบบที่สอง ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ที่WHO ได้นำไปอ้างอิง พบว่า กรณีที่ดีที่สุด หากประเทศไทยฉีดวัคซีนได้ดี ตัวเลขการติดเชื้อจะเข้าสู่ช่วง Peak ที่ระดับประมาณ 1 หมื่นราย/วัน ในเดือน ส.ค.64 ก่อนจะลดลงใน ก.ย.64 แต่กรณีแย่ที่สุด หากการฉีดวัคซีนไม่เป็นไปตามแผน อาจจะมีผู้ติดเชื้อสูงมากกว่า 2.2 หมื่นกว่าราย/วันในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย.64 ก่อนจะลดลงในช่วงเดือนต.ค.64
หากวัคซีนมาได้ตามกำหนดในไตรมาส 4/64 ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ตอนนี้ ที่ยอดอยู่ที่หมื่นกว่า จะสูงเกินกว่า 15,000 ในช่วงเดือนสิงหาคมต่อกันยายน แต่ถ้าแย่ที่สุด จะสูงถึง 22,000 กว่าในช่วงสิงหาคมต่อกันยายน แล้วค่อยๆ ลงมาในเดือนตุลาคม หากวัคซีนมาได้ตามกำหนดในช่วงไตรมาส ที่ 4 ซึ่ง”หมอทวีศิลป์”บอกเมื่อวานว่า เป็นภาพฉายคาดการณ์ที่เราต้องรับทราบโดยทั่วกัน และต้องพยายามช่วยกันดึงกราฟ เพราะฉะนั้นดีที่สุดต้องป่วยน้อยที่สุดต่อวัน
@เรียกว่าในขณะที่สถานการณ์ “หน้างาน”การรักษา และ การเข้าถึงระบบสาธารณสุข ของประชาชน ก็ก็กำลังถึงจุดอันตราย เกิดภาพน่าหดหู่คนไปนอนรอเตียงริมถนนล้อกันไปกับภาพชีวิตที่ปลิดปลิวของผู้ป่วยรอเตียงที่บ้าน ภาพการเบียดเสียดเพื่อเข้าถึงการตรวจและการรับวัคซีน ที่แม้จะมีการ “ปลดล็อก” ให้ประชาชนเข้าถึงการซื้อที่ตรวจมาตรวจเอง การส่งทีมตรวจเชิงรุกเข้าชุมชน และ มาตรการให้กลุ่มติดเชื้อสีเขียวรักษาตัวที่บ้าน แต่จาก “ความจริงของชีวิต” ด้วยปัญหาการจัดการที่สั่งการจาก “ส่วนบน”ที่ “หมอหน้างาน”ตึงตัวโหลดงาน ทำให้มาตรการเหล่านี้ไม่เป็นไปอย่างที่รัฐบาลแถลงเกิดความสับสนชะงักงันการประสานส่งต่อ ปัญหาตรวจแล้วส่งต่อไปรักษาไม่ได้รอเตียงต่อไป ก็ยังคงเกิด
ในขณะที่การขยายโรงพยาบาลสนาม ก็ติดปัญหา “บุคลากร”ดังที่ พล.อ.ท.นพ.อนุตตร จิตตินันทน์ ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ นำเสียงสะท้อนจาก “หมอหน้างาน”มารายงานว่าสถานการณ์เหมือน “ศูนย์อำนาจ”กดดัน”บุคลากรทางการแพทย็”โดยใช้”ผู้ป่วยโควิด”เป็นตัวประกันจนทำให้บุคลากรจำนวนมากคิดลาออกกันแล้ว
@กระนั้นด้วยแบบจำลองสถานการณ์ที่ “ทีมไทยโควิด” ของ”ลุงตู่-หมอหนู”มองในแบบที่สอง ที่มุ่งไปที่“วัคซีน”เป็นคำตอบ และเป็นที่มาของการที่รัฐบาล“ต้องทำอะไร”ซึ่งสิ่งที่ถนัดคือโหมดมั่นคงใช้กฎหมายควบคุมการเคลื่อนที่ของประชาชนเพื่อหยุดเชื้อแบบที่พร้อมยกระดับไปเรื่อยและแก้ปัญหารายทาง แม้จะต้องถึงขั้น “อู่ฮั่นโมเดล” ท่ามกลางเสียงสนับสนุนและคัดค้านจากหลายฝ่าย ที่กังวลใน “ผลกระทบ”ที่ตามมาจากภาพหลอน ปัญหาการบริหารจัดการของรัฐบาล ในแต่ละช็อตของการใช้มาตรการ “ล็อกดาวน์”ที่ผ่านมา ที่นอกจากจะหยุดการระบาดไม่ได้ ยังส่งผลกระทบศก.ปากท้องประชาชน
@ที่ประเด็น “เสียของ” ที่ผ่านมา และความแพนิกของประชาชนที่รู้สึกไม่ปลอดภัยกับ“ความเสี่ยง”ในการใช้ชีวิต ทั้งเสี่ยงติดโควิดตาย และเสี่ยงต่อการอดตาย ทำให้กลายเป็น“ความไม่พอใจ”และเริ่มมองไปถึง “จุดอ่อนของทีมไทยโควิด”ว่ามาจากใครกันแน่ระหว่าง “หมอหนู”ที่รับผิดชอบสธ.และ”ลุงตู่”ที่รวบอำนาจบริหารแบบ”ซิงเกิ้ลคอมมานด์” ซึ่งสิ่งเหล่านี้ย่อมรับรู้ถึง “ศูนย์อำนาจ” ดังอาการแสดงผล ผ่านท่าที..ของ”หมอหนู”และ”ลุงตู่” ผ่าน พลพรรค ในห้วงนี้ ไม่แต่แค่ประเด็น”โป๊ะแตก”วัคซีนหลัก “แอสตราเซเนกา” ที่ทางบริษัทฯออกมาส่งจดหมายเปิดผนึกถึง รมว.สธ.ชิ่งจากการเป็น”แพะรับบาป”โดยชี้เป้าไปที่ปัญหาจากรัฐบาล”ทีมทำศึกโควิด” ประเมินสถานการณ์ผิดพลาดสั่ง”วัคซีน”แค่ 3 ล.โดส/เดือนเอง จนบริษัทฯอุตสาห์ “ตู๊เพิ่ม”ให้เป็น 5 ล้านโดส/เดือน แถมทีมไทยยัง”โนเค”คำแนะนำ ให้ลดปัจจัยความเสี่ยงด้วยการเข้าร่วมโครงการ”โคแวค”
ไม่เท่านั้นในจังหวะเข้าโหมดการเมือง”ฝ่ายค้าน”ขยับจะยื่นขออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่าด้วยเรื่อง”ล้มเหลวศึกโควิด”ในเดือนส.ค.ก็เริ่มเห็นอาการของคนพรรคภูมิใจไทย”ศุภชัย ใจสมุทร”ออกมา”ชี้เป้า”โต้”สิระ”ทำอีเว้นท์นอนในโลงศพ ว่า ระบบสาธารณสุข กทม.ที่เละเทะอยู่ตอนนี้ เพราะคำสั่งที่6/2564ของนายกฯที่กีดกัน “หมอหนู”จากวงของ “ศูนย์บูรณาการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล”
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news