รพ.เต็มเมรุแตก-ห้ามตาย
รพ.เต็มเมรุแตก-ห้ามตาย
@ในขณะตัวเลขโควิดยังคงพุ่งหมื่นเป็นวันที่7โดยวันนี้ (23ก.ค.)ยังทำลายสถิติพุ่งไปที่14,575 คน อยู่ระหว่างการรักษา 143,744 คน ผู้เสียชีวิตรายใหม่ 114 คน เสียชีวิตสะสม 3,811 คน โดย 7 วันที่ผ่านมา มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเกิน 10,000 คนในทุกวัน และมีแนวโน้มจะเป็นไปอย่างที่แบบจำลองธนาคารกรุงศรีเคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ว่าจะทะลุ15,000และไต่ระดับไป2หมื่นต่อวัน หากรัฐไม่มีมาตรการทำอะไรออกมา ที่ค่อนข้างชัดว่า”มาตรการล็อกดาวน์”กรุงเทพฯปริมณฑลและ13จว.20ก.ค.-2ส.ค.ตัวเลขนอกจากไม่ลดลงยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ภาพความเป็นจริงที่สะท้อนปัญหา”ระบบสาธารณสุข”
@อย่างที่มีคุณหมอจากโรงพยาบาลสนามทั้งธรรมศาตร์ และ ร.พ.บุญราคัม สะท้อนไว้เมื่อวาน(22ก.ค.) ว่า “การจะรู้ได้ว่าระบบโรงพยาบาลและระบบสาธารณสุขล่ม ก็คือ ถ้าผู้ป่วยที่ป่วยหนักแล้วได้ติดต่อไปยังโรงพยาบาลต่างๆ แต่ไม่ได้ถูกรับเข้ารักษา และถ้าเหตุการณ์นี้เกิดกับผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก ก็หมายความว่าระบบของเราไม่สามารถรองรับดูแลผู้ป่วยที่มีอาการหนักได้ จนมีผู้เสียชีวิตในบ้านหรือตามท้องถนน ทั้งที่ได้ร้องขอความช่วยเหลือมาเป็นเวลานานผ่านช่องทางต่างๆ แล้ว นั่นคือสภาพของระบบโรงพยาบาลที่ทำงานต่อไปอีกไม่ได้แล้ว และระบบสาธารณสุขที่ล่มสลายลงแล้วจริงๆ”
@ที่ภาพความERRORของระบบ สอดรับกับภาพที่ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ’ ออกประกาศหลักเกณฑ์การพิจารณา ‘ไม่ใส่ท่อช่วยหายใจ’ สำหรับ ‘ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19’ ใน 2 กรณี ออกมาเมื่อวาน (22ก.ค.) คือ 1 ผู้ป่วยมีการแสดงเจตนาไว้ล่วงหน้า และ 2.ผู้ป่วยไม่ได้มีการแสดงเจตนาไว้ล่วงหน้าที่แพทย์ผู้ดูแลพิจารณาไม่ใส่ท่อช่วยหายใจ เมื่อผู้ป่วยมีลักษณะอย่างน้อย 2 ข้อจาก 4 ข้อคือ 1. อายุมากกว่า 75 ปี 2. ป่วยเป็นโรคที่มีค่าคะแนน Charlson Comorbidity Index (CC) มากกว่า 4 เช่น โรคมะเร็งที่มีการแพร่กระจาย และโรคเอดส์ (AIDS) 3. ผู้ป่วยที่มีความเปราะบางระดับปานกลาง, รุนแรง, รุนแรงมาก, อยู่ในช่วงสุดท้ายของชีวิต หรือ Clinical Frailty Scale (CFS) มากกว่าหรือเท่ากับ 6 และ 4. เป็นผู้ป่วยระยะสุดท้าย
@ขณะที่ ประเด็น”ตายข้างถนน”กลางกรุงฯ 3 ศพ เมื่อหลายวันก่อน นั้น เป็นจุดพีกหนึ่งที่เห็น ถึงผลแรงกระเพื่อมในกับสังคมที่”มัดรวมประเด็น”ความผิดพลาดล้มเหลวของรัฐบาลโดยเฉพาะ”นายกฯลุงตู่”และ”หมอหนู”ทั้งประเด็น “วัคซีน”และ”ปัญหาการบริหารจัดการสถานการณ์วิกฤติ” ดังการสะท้อนผ่านการ Call Out ของศิลปินดาราคนดัง ที่แม้ กระทรวงดีอีเอส. หรือ อดีตผู้สมัครส.ส.พลังประชารัฐ”สนธิยา”จะออกมาแอ็คชั่นทั้งขู่ด้วย “กม.เฟคนิวส์” ทั้งไปดำเนินคดี 20 ดาราก็เอาไม่อยู่กับกระแสความโกรธไม่พอใจที่เชี่ยวกรากจน”รัฐมนตรีชัยวุฒิ”ต้องถอยพรรค พปชร.ตองเท”สนธิยา”
@ขณะที่”นายกฯลุงตู่”ก็ต้องรีบเทคแอ๊คชั่นสั่งกำชับในการประชุม ศบศ.เมื่อวาน(22ก.ค.) ให้ทุกหน่วยงาน หาวิธีนำคนป่วยโควิด ส่งโรงพยาบาลสนาม โดยเปรยดัง ว่า “ท่านจะต้องช่วยผมคิดว่าทำอย่างไรเราจะลดคนติดเชื้อที่อยู่ที่บ้านแล้วคอยรถ หรือไม่ก็คอยอยู่ตามถนนหนทาง จะต้องไม่เห็นภาพนี้อีก เป็นความรับผิดชอบของทุกกหน่วยงานนะครับ ไม่ใช่กระทรวงสาธารณสุขอย่างเดียว..”ก่อนจะตามมาด้วยการออกมาเทคแอ็คชั่นของกองทัพในการเปิดสายโทรศัพท์รับการแจ้งขอรถส่งผู้ป่วยและเคลื่อนย้ายศพไปทำพิธีเผาที่วัดทั่วประเทศ หลังจากเกิดภาพ”มูลนิธิกู้ภัย”ทำหน้าที่นี้ไม่ทัน ไม่นับรวมภาพ”ศพโควิด”ที่แต่ละวัดมีการเผาทุกวันจนบางวัดต้องขยายเตาบางวัดเตาแตกเพราะศพโควิดมีจำนวนมาก
@ขณะเดียวกันปัญหา”รอเตียงตายคาบ้าน”หลังนายกฯแอ๊คชั่น“หมอหนู”ก็ลงพื้นที่ ติดตามการช่วย ผู้ป่วยโควิดฯ ด้วยตนเอง ที่ ชุมชนนางลิ้นจี่ ซอย 2 ชุมชนพัฒนาสินคืนที่ผ่านมา หลังได้รับการโทรแจ้ง พร้อม ประสาน หา รพ.สนาม ตามบัญชา นายกฯบิ๊กตู่ ที่ไม่ให้มีผู้ป่วย ถูกปล่อยทิ้ง หรือเกิดการเสียชีวิต ที่บ้านหรือริมถนน โดย มีผู้ป่วยได้รับการนำตัวส่ง รพ 3 จุด 4 ราย ซึ่งหลังจากนี้”หมอหนู” จะลงพื้นที่ ตรวจหาผู้ป่วยในพื้นที่ชุมชนทุกวัน
@ที่ทั้งหมดยังไม่นับรวมประเด็นตรามาอีกมากมายที่ส่งผลกระทบต่อ”บุคลากรทางการแพทย์”และส่งผลกระทบต่อประชาชนไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดสรรค”วัคซีนทางเลือก”mRnA”ที่เกิดความลักลั่นเหลื่อมล้ำไม่นับรวมปัญหา”วัคซีนม้าเต็ง”และ”วัคซีนม้ารอง”ที่เกิดครหา”เงินทอน”ทำให้เกิดปัญหา ที่ทั้งหมดถูก”มัดรวม”เป็นความผิดพลาดของ”ศูนย์อำนาจ”โดยที่น่าสนใจติดตามคือ เริ่มมีการขยับของ”ผู้คน”ที่เดือดร้อนได้รับผลกระทบจากโควิด ไปแจ้งหน่วยงานเอาผิด”นายกฯลุงตู่”กันแล้ว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news