ตัวเลขโควิดที่แท้จริง
ตัวเลขโควิดที่แท้จริง
ขณะสภาพการณ์ความเป็นจริงประเทศไทยยังดำเนินต่อไปกับ”ความแพนิก”สถานการณ์ระบาด ที่วันนี้ (29ก.ค.) ศบค.รายงานตัวเลขการติดเชื้อและเสียชีวิตอย่างเป็นทางการ ถือเป็นการทำ ”นิวไฮ” ทั้ง ยอด ผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิต โดยมียอดผู้ติดเชื้อที่ 17,669 สะสม 532,167 เสียชีวิต 165 ราย ทุบสถิติเดิมที่เคยมีทำไว้สูงสุด 141 ราย ที่ก็สอดรับกับภาพจริงเสียงจริงที่เห็นกับความสูญเสียของหลายครอบครัวที่แจ้งผ่านโลกโซเชียลไม่นับรวมผู้ป่วยติดเชื้อจำนวนมากที่ร้องขอความช่วยเหลือให้เข้าถึงระบบ ”สาธารณสุข” จนเกิดภาพการเสียชีวิตวันเดียว8ศพที่รพ.บุษราคัม ไม่นับรวมที่ก่อนหน้านี้มีรายงานจากวัดต่างๆถึงการเผาศพโควิดที่มีจำนวนมากต่อวัน
ที่สถานการณ์ตายเจ็บจำนวนมากดังกล่าว ทำให้มีกระแส ที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตถึง ”ตัวเลขที่แท้จริง” ที่ยังไม่ถูก ศบค.นำมารายงานผ่านจอให้ ”ประชาชน” ทราบ โดยเฉพาะกับคำถาม “ยอดจริง” ที่น่าจะ ”มากกว่าการรายงาน” หลายเท่าหรือไม่ โดยเฉพาะยิ่งเมื่อวานปรากฏเอกสารบันทึกข้อความด่วนที่สุดจากสำนักงานปลัดกระทรวงสธ.ลงวันที่23ก.ค.64 ที่สธ.0211.021/15964 สรุปการประชุมทางไกลและข้อสั่งการ ที่ลงนามโดยรองปลัดสธ.โดยที่เป็นประเด็นฮือฮาในแวดวง”หมอด่านหน้า”คือข้อความในข้อ5.ที่ว่า“ให้ยกเลิกการ Active Case Finding (ACF) โดยการทำ RT-PCR แต่ให้ใช้ Antigen test self-test Kits (ATK) แทนในการคัดกรองเบื้องต้น โดยกรณีที่ผู้ป่วยที่พบผล Positive จะเป็นกลุ่ม probable case ซึ่งยังไม่นับเป็นกลุ่มป่วย ไม่ต้องรายงานในระบบการรายงานโรคติดเชื้อ COVID-19”
ที่ “หมอ ศุภโชค”อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ จากรพ.รามา โพสFBตั้งข้อสงสัยว่ายอดติดเชื้อที่ศบค.รายงานตัวเลขติดเชื้อ 16,000 รายเมื่อวาน(28ก.ค.)อาจไม่ใช่ยอดที่แท้จริง เพราะขณะนี้ไทยรายงานเฉพาะเคสที่ยืนยันจาก PCR testing เท่านั้นซึ่งมีปริมาณ test ที่ทำต่อวันจำกัด ถ้านับเคสที่ positive จาก Antigen test kit ที่เรา active finding case ด้วย (ซึ่งเป็น probable covid-19 cases) เชื่อว่ายอดจะขึ้นสูงไปมากกว่านี้ โดยมีคนทำ simulation model ไว้ว่ายอดจริงๆอาจจะมากกว่านี้ 8-9 เท่า ซึ่งแปลว่าที่ positive ต่อวันถ้าเราตรวจได้มากแบบไม่จำกัด ยอดอาจจะสูงถึง 100,000 คน/วันได้ ซึ่งคุณหมอยังเสนอว่า ถ้าจะรายงานเคสก็รายงาน definite case/ probable case แยกกันก็ได้ จะได้ทราบ magnitude ของปัญหาที่แท้จริง
กระนั้นแม้ สธ.จะมีการแก้ไขข้อความในข้อ5ดังกล่าวผ่านหนังสือลงวันที่28ก.ค.แต่ประเด็น”ตัวเลขที่แท้จริง”ก็ยังอยู่ในความสนใจของหลายฝ่าย โดยที่น่าสนใจพิจารณาคือ “รายงานวิจัย” ของทีมวิจัยของคณะวิทยาศาสตร์มหิดล ที่ถูกนำมาโพสโดยรศ.ดร.ชรินทร์ โหมดชัง หนึ่งในทีมวิจัย (27ก.ค.) ที่ ประมาณการจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่แท้จริงใน กทม.ว่า อัตราการรายงานผู้ติดเชื้อเฉลี่ยใน กทม. ในช่วงวันที่ 14 เมษายน 64 ถึง 19 ก.ค. 64 อยู่ที่ร้อยละ 11.24 [95% CI: 9.77 – 12.84] นั่นคือจำนวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริงจะอยู่ที่ประมาณ 9 เท่าของตัวเลขที่ตรวจเจอ ซึ่งตอนนี้ ศบค. รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมใน กทม. ประมาณ 140,000 คน แสดงว่าน่าจะมีผู้ติดเชื้อจริง ๆ ประมาณ 1.3 ล้านคน ซึ่งเมื่อคิดจำนวนประชากร กทม. ที่ 7.7 ล้านคน แสดงว่า น่าจะมีคน กทม. ที่ติดเชื้อไปแล้วประมาณ 16% โดย ”รศ.ดร.ชรินทร์” บอกว่า อาจถือว่าเป็นข่าวดีคือ ตอนนี้คน กทม. ฉีดวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งเข็มกันไปแล้วประมาณ 55% เมื่อบวกกับคนที่มี immune จากการติดเชื้อโดยธรรมชาติอีกประมาณ 16% คน กทม. ก็น่าจะมีภูมิคุ้มกันกันพอสมควรแล้ว และเมื่อรวมกับมาตรการต่าง ๆ ที่ทำอยู่ปัจจุบันนี้ คาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตใน กทม. น่าจะเริ่มลดลงในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
ทั้งนี้ ทีมวิจัยยังประเมิน (29ก.ค.) ด้วยว่า การระบาดของโควิด-19 ใน กทม. น่าจะเลยจุด peak มาแล้ว ถ้าดูจำนวนผู้เสียชีวิตใน กทม.(ดูกราฟ) ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 64 – 28 ก.ค. 64 จะเห็นว่าในช่วงต้นของการระบาดนั้นจำนวนผู้เสียชีวิตใน กทม. มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงจุด peak ประมาณวันที่ 18 ก.ค. 64 หลังจากนั้นเป็นต้นมาจำนวนผู้เสียชีวิตก็เริ่มคงที่ที่เฉลี่ยประมาณ 45 คนต่อวัน โดย เส้นสีแดงคือค่าเฉลี่ย 7 วัน ซึ่งปกติแล้วเส้นกราฟจำนวนผู้เสียชีวิตจะตามหลังเส้นกราฟจำนวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริงอยู่ประมาณ 10 วัน ดังนั้นการที่ กราฟของจำนวนผู้เสียชีวิตถึงจุด peak แล้ว ก็น่าจะอนุมานได้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันที่แท้จริงใน กทม. น่าจะเลยจุด peak มาแล้ว ทั้งนี้ รศ.ดร.ชรินทร์ บอกด้วยว่า ต้องเข้าใจว่าตัวเลข ”ผู้ติดเชื้อรายวัน” ที่เราเห็น “ไม่ใช่ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่แท้จริง” ตัวเลขที่เราเห็นจะขึ้นกับว่าเราตรวจมากน้อยแค่ไหน ดังนั้น ถ้าในอนาคต ศบค. เอาตัวเลขผู้ติดเชื้อจากการตรวจโดยใช้ ATK มารวมในรายงานด้วย แล้วเราเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อเยอะขึ้นก็ไม่ต้องตกใจ เพราะเราแค่เห็นในสิ่งที่เราไม่เคยเห็นมากขึ้นเท่านั้นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news