ล็อกต่อ-คาร์ม็อบ-ข่าวลือ-วัคซีนหมอ
จังหวะ ”คู่ขนาน” ไปกับสถานการณ์สงครามโควิด ที่ วันนี้ (2ส.ค.) ยอดผู้ติดเชื้อยังคงพุ่ง ที่ 17,970 สะสม 604,421 เสียชีวิต 178 สะสม 5,074 ราย ที่นอกจากภาพชีวิตจริงของผู้คน ที่เจ็บป่วยเสียชีวิตรายวัน ในขณะที่ รัฐบาลภายใต้การนำของ ”นายกฯลุงตู่” ยังคงไม่สามารถกดตัวเลขให้ลดลง และมีการ ประกาศ ปรับมาตรการ-พื้นที่ควบคุมโรค โดยมีผลพรุ่งนี้ (3 ส.ค.) ถึง31ส.ค.ประเมินทุก 14 วัน กำหนดให้ 29 จังหวัด เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดจากเดิม 13 จังหวัด โดยเพิ่มมา 16 จังหวัด ที่ให้ ใช้มาตรการ -ห้ามออกนอกเคหสถาน 3 ทุ่ม – ตี 4 -ตั้งด่านสกัดระหว่างเขตจังหวัด -ห้ามกิจกรรมรวมตัวเกิน 5 คน -ร้านอาหารเปิดได้ไม่เกิน 2 ทุ่ม ห้ามบริโภคในร้าน ห้าง ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ เปิดถึง 2 ทุ่ม เปิดเฉพาะ -ร้านอาหาร , เครื่องดื่ม ขายผ่าน Delivery -ร้านยา , เวชภัณฑ์ -ซูเปอร์มาเก็ต และให้ เปิดแคปม์ก่อสร้าง กทม.และ ปริมณฑล ใช้มาตรการ Bubble and Seal มาตรการเริ่ม 3 ส.ค. – 31 ส.ค. โดยให้มีการทบทวนเมื่อครบ 14 วัน
ที่นอกจากมีเสียงวิจารณ์ความคลุมเครือมาตรการ ประเด็นการให้สั่งร้านอาหารห้างผ่านดิลิเวอร์ลี่ ยังมีเสียงจาก ”หมอใหญ่” อย่าง ”น.พ.มนูญ” ที่ประเมินว่า สงครามโควิดเปลี่ยนไปแล้ว จากการมาของ ”เดลต้า” “การล็อกดาวน์” อาจไม่ช่วยอะไร เท่ากับฉีดวัคซีนเพื่อกันการเสียชีวิต และการสร้างภูมิธรรมชาติด้วยการติดเชื้อ90% ประชากร โดยอ้างจากแถลงการณ์ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา หรือ CDC ที่ว่า “สงครามโควิดได้เปลี่ยนไปแล้ว”
โดยเฉพาะของไทย “เดลตา” ติดไวและกว้างพอๆกับ ”อีสุกอีใส” ที่ตอนนี้ติดเข้าไปในบ้านประชาชน โดยเดือนก.ค.ที่ผ่านมาเป็นเดือนแรก “เดลต้า” ยึดประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อเพียงเดือนเดียว 337,966 คน เสียชีวิต 2,834 คน ซึ่งตัวเลขติดเชื้อจริงๆน่าจะมากกว่านั้นหลายเท่า ต้องใช้เวลาอาจจะถึงปี กว่าประชากรไทยร้อยละ 90 ติดเชื้อ โรคโควิดถึงจะหยุดการแพร่ระบาดได้ ไม่แต่เท่านั้นประเด็นขยาย ”ล็อกดาวน์” ต่อไปแบบเหมือนไร้ความหวังยังส่งผลกระเพื่อมให้ภาคเอกชนนักลงทุนไม่เห็นด้วยและเริ่มปรากฎ ”สัญญาณ” ผลกระทบ “สายพานการผลิต” และการขาดแคลนสินค้าอาหาร จากกระบวนการขนส่งถูกตัดขาด วัตถุดิบป้อนโรงงานไม่มี พนักงานโรงงานไม่มาทำงาน
กระนั้นสิ่งที่น่าสนใจจากปม ”สงครามโควิด” และวิกฤติเศรษฐกิจ ในมิติการเมืองที่พุ่งเป้าไปที่ตัว ”นายกฯลุงตู่” จากการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด นอกจาก ปฏิกริยา จาก ”คาร์ม็อบ” ครั้งแรกแบบประกาศว่าจะมีครั้งต่อไปอีก ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพ วันอาทิตย์ และต่างจังหวัด 30 จังหวัดในวันเสาร์ ที่ก่อนหน้านั้นวันศุกร์ (30ก.ค.) มี ”ข่าวลือทางทหาร” การจับตัวผู้นำที่ทำให้กระทรวงดีอีเอส ต้องยิงออกมาว่าเป็น ”ข่าวปลอม” ยังมีการประมวลผล ปม แรงกระเพื่อมจากท่าทีความไม่พอใจจนกลายเป็นความโกรธและเสียกำลังใจ ของ”บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า”จากปมการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ของรัฐบาล กระทรวงสธ. ที่สหรัฐบริจาด 1.5 ล้านโดส และครหา ”วัคซีนVVIP” ที่แม้วันนี้คณะกรรมการชุดใหญ่จะแก้หลักเกณฑ์การพิจารณาให้แล้วแต่ก็ยังเป็น ”ตะกอนใจ” ไม่ต่างจากท่าทีของแวดวง ”สื่อ” ที่ยังคงมีการออกมาเคลื่อนไหววันนี้(2ส.ค.).ให้ศบค.นายกฯ เพิกถอน ข้อกำหนดฉบับที่ 29ให้อำนาจ กสทช. “ตัดเน็ต” สื่อที่นำเสนอข่าวการเสียชีวิตจากโควิดข้างถนนของผู้คน
ขณะเดียวกันก็เริ่มมีปฏิกริยาจากอดีตแกนนำกปปส.หลายคนออกมามีท่าทีที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล และบางรายเช่น ”ลูกณัท” ที่ออกมาร่วมใน ”คาร์ม็อบ” เมื่อวาน(1ส.ค.) เช่นเดียวกับในภาคส่วนธุรกิจที่ก็เริ่มมีการส่งสัญญาน ไปถึงฝ่ายการเมืองบ้าง แล้ว เช่นการออกมาสะท้อนจาก ”บรรยง พงษ์พานิช” ที่โพสFB ว่าจากกระแสต่อต้านจากประชาชนชัดเจนว่านายกฯไม่สามารถบริหารได้ราบรื่นเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายประเทศ จึงเรียกร้องให้พิจารณาตัวเองโดยแนะนำขึ้นตอนลงจากตำแหน่งด้วยการให้ ”สัญญานประชาคม” กับประชาชนว่าจะแก้รธน.กลับไปฉบับปี 2540 ประกาศยุบสภา และไม่รับการเป็นนายกฯรักษาการระหว่างรอเลือกตั้งใหม่…เช่นเดียวกับ การเริ่ม มีการเคลื่อนไหวแบบ ใช้ความสัมพันธ์แบบ ”เพื่อน” ของบรรดาเพื่อนๆนิเทศศาสตรจุฬาฯรุ่น40 ที่ส่งไปยังคนในครอบครัวของนายกฯ ที่ทั้งหมดต้องติดตามว่าปฏิกริยา ”คู่ขนาน” กับสถานการณ์ ”สงครามโควิด” ที่พุ่งเป้าไปที่ตัว ”นายกฯ” ที่ยังยันยันว่าจะสู้จนกว่าจะชนะนั้นจะลงเอยเช่นใดต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news