ตัดใครแต่ต้นลม
@ความเป็นไปแบบ “คู่ขนาน”ท่ามกลางสถานการณ์ศึก “โควิดติดเมือง”ส่งผลกระทบกับชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนแบบที่กำลังอยู่ในอาการ”แพนิก”และ”กังวล”ทั้งในมิติของความกลัวเจ็บตายจากโรค และ กลัวตายจากปัญหาปากท้องเศรษฐกิจ ที่ในส่วนของ”ภาพรวม”ทหารเก่าอย่าง”นายกลุงตู่”ถือเป็น”สงคราม”ที่ต้องรบจนกว่าจะชนะแม้จะต้องตายก็ยอม ที่วันนี้ยอดโควิดทำนิวไฮ2หมื่นเป็นวันที่2 ที่ 20,920 เสียชีวิต 160 สะสม 5,663 ในขณะที่มียอดหายป่วยกลับบ้าน 17,926 มียอด”ติดเชื้อเข้าข่าย”ที่ตรวจผ่านATK4,009ราย โดยมีค่าเฉลี่ยการตรวจหาเชื้อแบบทางการที่ลดลงอยู่ที่49,301/วัน ที่แสดงให้เห็นถึง%การติดที่สูงขึ้น สอดรับกับแบบจำลองประเมินการติดเชื้อรายวันที่มีการประเมินก่อนหน้านี้ให้จับตากลางเดือนส.ค.ว่ายอดติดเชื้อจะพุ่งไปที่25,000และยอดเสียชีวิตจะทะลุ200หรือไม่
@ที่ “หลายฝ่าย”ในวงการหมอ ประเมินว่ายอดที่จะเพิ่มขึ้นหลังจากนี้ เพราะมีการเร่งระดม การตรวจเชิงรุกเพิ่มขึ้นจากการเข้ามาช่วยของหลายฝ่ายเช่น”ชมรมแพทย์ชนบท”ในช่วงนี้ หลังจากที่มีเสียงวิจารณ์รัฐบาล ศบค.”นายกลุงตู่”ว่า”ล็อกดาวน์เสียของ”จากหนก่อนตั้งแต่12ก.ค.ที่ยอดยังทะยานจากพันเป็นหมื่น17ก.ค.จากหมื่นกว่าเป็น2หมื่นเมื่อวาน(4ส.ค.)ท่ามกลางภาพจริงเสียงจริงการเจ็บป่วยล้มตายที่ปรากฏ ที่รัฐบาลทำได้โดยการออกมาตรการจัดการ”เฟคนิวส์”ทั้ง”สื่อ”และ”ผู้คน”ในโซเชียล ดังที่”พล.อ.ประวิทย์”ออกมาย้ำการจัดการเรื่อง”ข่าวปลอม”วันนี้(5ส.ค.)ที่ถูกมองว่าเป็นการแก้ปัญหาผลกระทบทางการเมือง อันขยายจากคำสั่งพรก.ห้ามชุมนุมวันก่อน
@โดยเฉพาะมีการจับตา”สัญญาณแปร่งแปลก” จาก”ม็อบ 7 ส.ค.”ของกลุ่ม”เยาวชนปลดแอกที่ปักธง”ทะลุเพดาน” ที่ต่างจาก “คาร์ม็อบ”1ส.ค. และ ม็อบ 10 ส.ค.ที่”โฟกัส”ไปที่”นายกลุงตู่””ศูนย์อำนาจ3ป.” และ”รัฐมนตรี”ที่เกี่ยวข้อง ล้อไปกับแนวรบในสภาของ”ฝ่ายค้าน”ที่ยื่น”ซักฟอกรัฐบาล”ที่มุ่งไปที่”นายกฯลุงตู่”ตาม”สัญญาณ”ภายนอก ที่ถูกส่งผ่าน”ตัวละคร”ในพรรคหลักรัฐบาลก่อนหน้ากับความ”เปลี่ยนแปลง”แบบ”ตัดไฟแต่ต้นลม”ต่อสถานการณ์ที่ลากยาวลุกลามแบบ”กินตัว”ในการบริหารจัดการ”ศึกโควิด”ที่ยิ่งนานวันยิ่งสร้าง”ศัตรูร่วม”หลายคณะที่”ไม่ทน”ทั้ง”อดีตคนกันเองในกปปส.”ทั้ง”หมอหน้างาน”ต่อการบริหารแบบ”ซิงเกิ้ลคอมมานด์”กับ”ศึกโควิด”ของ”นายกลุงตู่”ที่ส่งผลมาจนถึงภาพปัจจุบัน
@ในขณะที่ ก็มีการประเมิน”นายกลุงตู่”ผ่านการส่งสารออกมา แบบยิ่งไล่ยิ่งสู้ หรือ สู้จนกว่าเขาจะไม่ให้สู้ แบบที่”เทพไท เสนพงศ์”หรือที่”นักข่าวสายทหาร”ประเมิน ว่า “ลุงตู่” คิดแบบทหารไม่ใช่แบบนักการเมือง ที่จะยอมง่ายๆเท่ากับการจะสู้ตายคาเก้าอี้ ซึ่งมีการมองว่าจะเป็น”จุดเชื่อม” ไปสู่ ความเปลี่ยนแปลง “จุดอ่อน”ของสถานการณ์โรคระบาดที่ ลากมาถึงจุดที่“ผู้คน”สัมผัสตรงกับความเดือดร้อนจากปัญหาความล้มเหลวซ้ำ แบบที่รู้สึกได้ว่า”รัฐ”ไม่มี”อาวุธลับ”ไม่มีแผนความเสี่ยง แต่แก้ปัญหารายวัน ตั้งแต่เรื่อง “วัคซีน” มาจนถึงเรื่อง “ยาฟาวิ” ที่กำลังน่าห่วงว่ากลางเดือนส.ค.จะมีเพียงพอหรือไม่ อย่างที่ รพ.มธ.บอกว่าในอัตราผู้ป่วยทั้งสีเขียวที่อยู่ในระบบ”โฮมไอโซเลชั่น”ที่ทำให้กลายเป็น”เหลือง”และ”แดง”เพราะมาจากการ”จ่ายยา”ไม่ทัน มีขั้นตอนการจ่ายแบบระบบราชการ หมอต้องยุ่งยากกับการรับรองเอกสารจำนวนมาก..
@ที่แนวโน้ม”อารมณ์ผู้คน”ในจังหวะมีอีเว้นท์”คาร์ม็อบ”ที่มี”เต้น ณัฐวุฒิ ปรากฏ ผสมกับ”อดีตคนกันเอง กปปส.”อย่าง”ลูกนัท”วันก่อน มาลองรับ”รูระบาย”เป็นส่วนหนึ่งของ”อัตราเร่ง”ในความสอดคล้อง กับ”สัญญาณตัดไฟ”ที่สะท้อนผ่าน”สัญญาณ”การโยกย้ายข้าราชการปลัดมหาดไทยวันก่อนซึ่ง สัญญาณเหล่านี้ มีตัวแปรไป กับสถานการณ์ “ม็อบ7ส.ค.”ของเยาวชนปลดแอกที่ “ณัฐวุฒิ”แกนนำแดง พูดชัดว่าคนละม็อบผ่านท่าที”แสดงความเป็นห่วง”ธงการเคลื่อนไหวแนว”ทะลุเพดาน”(5ส.ค.)
@ที่ทั้งหมด แม้ ปรากฏการณ์นัด “ม็อบ7ส.ค.” จะถูกประเมิน ว่า ก้ำกึ่งทั้งการ”เสียของ”ต่อสถานการณ์ที่ดำเนินไปของ”ลุงตู่”ที่กำลัง”ทัวร์ลง”ในศึกโควิด ที่เหลือเพียงมุก”ล็อกดาวน์-เคอร์ฟิว”ที่ยังไม่ตอบโจทย์ แต่ ด้านหนึ่งก็ถูกมองไปถึงการเป็น”อัตราเร่ง”ไปสู่การ”ตัดใคร”ก่อนที่จะเรื่องราวจะลุกลามไปยังผู้มีอำนาจ ในสถานการณ์นี้เช่นกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news