ม็อบโควิดติดไฟลามทุ่ง
ม็อบโควิดติดไฟลามทุ่ง
@”สงครามโควิด”แล”ม็อบไล่นายกฯ”กำลังเป็น สถานการณ์“คู่ขนาน”ที่ไหลบรรจบรวมเป็นเรื่องเดียวกันคือ ปัญหาความเดือดร้อนประชาชน ในจังหวะที่ รัฐบาลภายใต้การบริหารแบบซิงเกิลคอมมานด์ของ”นายกฯลุงตู่”ผ่าน ศบค. ยังไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ความรุนแรงการระบาดของโควิดลงไปได้ แถมมีแนวโน้มที่จะรุนแรงในช่วงกลางเดือนสิงหาคมนี้ตาม”แบบจำลองการติดเชื้อ”ที่มีการรายงานจากกรมควบคุมโรคก่อนหน้านี้ แม้มีการใช้มาตรการ“ล็อกดาวน์-เคอร์ฟิว”29จังหวัดก็ไม่เป็นผล เพราะไม่ได้มีการ”ตรวจเชิงรุก”เพื่อแยกผู้ติดเชื้อ
รวมถึงไม่มีการเร่งฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันเสียชีวิต เพราะไม่มีวัคซีนที่เกิดปัญหาจากการจัดการ ในขณะที่อีกด้าน “ผลกระทบ”จาก”ล็อกดาวน์”ที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนปากท้องมาหลายรอบส่งสัญญาณ”ทนไม่ได้”ก่ออารยขัดขืนและทำท่าจะไม่ยอมหากจะมีการ “ล็อกดาวน์” แบบ “อู่ฮั่น”ถัดจากนี้ เพราะมีผลงานเชิงประจักษ์ว่า ตัวเลข ติดเชื้อยังคงพุ่ง 2 หมื่นกว่า เสียชีวิตเกิน 200 ต่อวัน
@ในขณะที่ภาพการเข้ามาช่วยจากภาคเอกชนNGOหลายฝ่ายที่เห็นใจ“หมอด่านหน้า”ไม่ว่าจะเป็น “กลุ่มเส้นด้าย”และอีกหลายกลุ่ม ที่รุกลงชุมชนเข้าไปช่วยแนะนำดูแลรักษาให้ออกซิเจน“ชาวบ้าน”ถึงในบ้าน ทั้งที่รอการรักษารอเตียง และ ที่เข้าระบบ”รักษาที่บ้าน”แต่ไม่มียามาถึง จนมีการสะท้อนภาพ “ตายที่บ้าน” “ตายข้างถนน ออกมา หรือ “กลุ่มแพทย์ชนบท”ที่นำทัพหมอชนบทบุกกรุง รุกตรวจ และ ฉีดวัคซีน เข้าไปในชุมชนแบบแข่งเวลา “หามรุ่งหามค่ำ”ไม่เว้นเสาร์-อาทิตย์ และ ไม่ใช่จบแค่ 4 โมงเย็น จนปั่นยอดติดเชื้อพุ่งในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่นับรวมกลุ่มมูลนิธิกู้ภัยที่ทุ่มแรงทุ่มใจช่วยทั้งผู้ป่วยผู้เสียชีวิตจากรายทาง-ในบ้านถึงเชิงกะกอน ที่พวกเขาพยายามสะท้อนปัญหา “คอขวด” ทั้งเรื่อง “การตรวจATK” และ”ยาฟาวิฯ”รักษาโควิด ที่เข้าถึงยากเพราะ “ระบบราชการ”
@แต่ภาพการแก้ปัญหาตาม”ข้อเสนอ”คนหน้างาน กลับออกมาทำให้ถูกท้วงติง ทั้งปมที่หมอชนบทออกมาแถลงการณ์ติง ปม “องค์การเภสัชกรรมในการจัดหา ATK ว่าควรมีคุณภาพมาตรฐานองค์การอนามัยโลก ”วันนี้(12ส.ค.) ทั้งปม มีบางฝ่ายส่งสัญญาณเตือนหลายหน่วยงานให้ตรวจสอบ การจัดซื้อยาฟาวิลาเวียร์ ที่มีราคาสูงในลอตที่กำลังดำเนินการล่าสุด 300 ล้านเม็ดราคาเม็ดละ80-100บาท เป็นเงินร่วม 30,000 ล้านบาท ที่ยังไม่นับรวมถึง “ปมวัคซีนบริจาด”ที่นำมาใช้บูธโดสให้บุคลากรแพทย์ด่านหน้า หลังจากที่ การจัดการ“วัคซีนม้าตัวเดียว”เกิดปัญหาทั้งคุณภาพและทั้ง”มาไม่ทัน”จนต้องสั่ง “วัคซีนเผื่อ”แบบเอาเท่าที่มีและนำมาทำ”วัคซีนค็อกเทล” โดย ที่ทำให้ผู้คนเริ่มเกิดอาการไม่เชื่อมั่นระแวงไม่พอใจพาลเริ่มเชื่อในข้อครหาที่ผ่านมา คือปรากฏการณ์การ”สร้างภูมิคุ้มกันตัวเอง”ผ่านการเสนอ ร่าง พรก.นิรโทษกรรมโควิด ที่มีประเด็น คุ้มครองไปถึงผู้คนที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาวัคซีนโควิด ทั้งที่มีข้อกฎหมายคุ้มครองหมอด่านหน้าอยู่แล้ว
@ที่อาการผลพวงจากการจัดการโควิดที่นำมาสู่อารมณ์ผู้คนทำให้“นักสังเกตการณ์”หลายท่านประเมิน ว่า ”สารพัดม็อบ”ที่ชุมนุมบนถนน ไม่ว่าจะเป็น”ราษฎรปลดแอก” “ธรรมศาสตร์” “ไทยไม่ทน “ “คาร์ม็อบ” “ทะลุฟ้า”กำลังกลายเป็น “รูระบาย”ทำให้ผู้คนที่ไม่พอใจ เข้าไปร่วมแสดงความโกรธฝ่ายเกี่ยวข้อง ในขณะที่ฝ่ายความมั่นคงรัฐ ที่มีการใช้แนว ดำเนินคดีจับกุมแกนนำ และเพิ่มระดับความแรงเพื่อปรามมวลชนไม่ให้ออกมาชุมนุมหวังว่าจะฝ่อและสลาย กับภาพการใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมโดย”เหมา”ว่าจะมีความรุนแรงจากภาพเก่าก่อนหน้า ทำให้มีการจัดหนักกับ “ม็อบ7ส.ค.” “10ส.ค.” และ”11ส.ค.”เพื่อไม่ให้บุกไปบ้าน”นายกฯลุงตู่”ในร.1รอ. ซึ่ง”กูรูจัดม็อบ”หลายท่านประเมินว่ารัฐอาจคาดผิด เพราะรากของปัญหาเชิงระบบยังอยู่ ความรุนแรงจะยิ่งทำให้ผู้คนยิ่งโกรธแค้น ผลด้านกลับที่อาจเกิดขึ้นคือจำนวนคนที่เผชิญหน้ากับจนท.จะมีมากขึ้น การปะทะกันจะยิ่งบานปลายและรุนแรงต่อไปโดยที่แม้แต่ผู้จัดชุมนุมก็ควบคุมไม่ได้ และน่ากังวลว่าจะทำให้ “ม็อบโควิด”ณ พ.ศ. นี้ จะลุกลามทะลุเลยเพดานในที่สุด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news