“ล็อกดาวน์”Vs”หลอกดาว”
จังหวะที่มีข่าว “ผกก.โจ้” มาคั่นฉาก ความสนใจของ “ผู้คน” ที่เดือดร้อนไม่พอใจ ในไทม์มิ่ง “ศึกโควิด”ที่อยู่ในสเต็ปส่งสัญญาณบวกปูพรมจาก “นายกฯลุงตู่” เมื่อปลายวีคที่แล้วว่าอาจจะคลายล็อกหลัง 31 ส.ค. ที่บังเอิญ “ตัวเลขกราฟ” ผู้ติดเชื้อเริ่มไต่ระดับลดลงจาก 2 หมื่นมาอยู่แถวหมื่นกว่า แม้ตัวเลข “เสียชีวิตสะสม”จะทะลุหมื่นเมื่อวาน(25ส.ค.) ขณะวันนี้ตัวเลขเสียชีวิตยังทรงตัวที่ 229 ราย ติดเชื้ออยู่ที่ 18,501 ราย สะสมทะลุล้านที่1,120,869 ยังรักษา186,934 ในขณะเดียวกัน มีการโชว์ยอดฉีดวัคซีนเมื่อวาน (25ส.ค.) รวม 3 เข็ม 637,912 เป็นเข็ม 1=438,457 เข็ม2=191,248 และเข็ม3 =8,216 รวมผู้รับวัคซีนทั้งหมด 28,835,580 โดยตัวเลขสรุปจากกระทรวงอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม รายงาน ว่า กรุงเทพปริมณฑลจากจำนวนประชากร 14,852,388 คน ฉีดเข็ม1ไปแล้ว 63.5% เข็ม2 =15.9% แต่หากคิดเฉพาะประชากรกรุงเทพ 7,699,174 คน พบว่าฉีดเข็ม1 ไปแล้ว 85.6%เข็ม2=20.2% ซึ่งตามเกณฑ์ที่มีการวางไว้คือ การฉีดวัคซีนให้ได้เปอร์เซ็นต์มากกว่า 60% จะช่วยลดการระบาด ลดการติดเชื้อ ลดการป่วยหนักและลดการเสียชีวิต
เรียกว่าชุดข้อมูลดังกล่าวต่อการฉีดวัคซีน มีความสอดคล้องกับชุดตัวเลข ผู้ติดเชื้อที่ลดลง รวมถึงตัวเลขการหายป่วย ที่ทำให้ไปลดตัวเลขอยู่ระหว่างการรักษา ที่ “หมอสธ.” เชื่อว่าจะส่งผลกับตัวเลขเสียชีวิตที่จะลดลงตามมา โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพปริมณฑล ที่ส่งผลให้วันนี้ (26ส.ค.) สธ.เตรียมนำข้อเสนอจากสมาคมภัตราคารไทย นำเสนอที่ประชุมศบค. ในวันศุกร์ (27ส.ค.) เพื่อพิจารณาผ่อนคลายมาตรการร้านอาหารเปิดบริการได้ โดยเสนอแผนเปิด 3 ระยะในเดือนก.ย.โดยเน้นไปที่ร้านอาหารในห้างฯที่ความเสี่ยงที่อาจเปิดให้กินในร้านได้50% รวมถึงสถานประกอบการกลางแจ้ง โดยมีข้อปฏิบัติจัดการสภาพแวดล้อมเว้นระยะห่างอากาศถ่ายเท พนักงานต้องปลอดโรค ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ถ้าไม่ครบต้องตรวจชุดATKทุก 3-7 วัน ลูกค้าต้องปลอดโรค เช่นแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน
ที่ภาพรวมเหมือนจะดูดีมีเหตุผลให้ ”นายกฯลุงตู่” เลิก ”ล็อกดาวน์” ในบางพื้นที่เป็นการ “ชิมลาง” ก่อนไปถึงกลาง 15 ต.ค.ที่ครบ 120 วัน เปิดประเทศแม้ว่าจะมีการประเมินและล้อจากบางฝ่ายว่าจะเป็น “ล็อกดาวน์” หรือ ”หลอกดาว” เพราะจากตัวเลขที่พุ่งทะยานทั้งเจ็บตาย ระหว่างล็อกดาวน์ 3 รอบ ล้วนเป็นเรื่อง “การจัดการ” การไม่ประเมินความเสี่ยงที่ครบวงจรของ”ฝ่ายบริหาร”แบบ “ซิงเกิ้ลคอมมานด์” ล็อกดาวน์ ไม่ได้ช่วย หากแต่ที่ดีขึ้นเพราะ การจัดการเริ่มกลับมาเข้าที่เข้าทางจาก เวชภัณฑ์ที่เริ่มเข้ามาทั้งยา ทั้ง“วัคซีน” และ ชุดตรวจ แต่ก็ยังมีหลายฝ่ายกังวลต่อสถานการณ์อยู่บ้าง เพราะด้วยการกลับไปมาจาก “ศูนย์อำนาจ” ส่งผลต่อความไม่มั่นใจ “ตัวเลขที่แท้จริง”ที่ ศบค.รายงาน ทั้งในมิติการตรวจพบผู้ติดเชื้อ การรักษา และการฉีดวัคซีน
โดยเฉพาะภาพหลอนจาก “วัคซีนไม่พอ”จนนำมาสู่ “สูตรวัคซีนไขว้”และข้อกังขา”วัคซีนซิโนแวค”(Sv)หรือ “วัคซีนเสริม”ที่ถูกนำมาใช้แก้ปัญหา”วัคซีนหลัก””แอสตราเซเนกา”(Az)ไม่มาตามนัด ที่แม้ “โควิด”จะอัพเกรดจาก”อัลฟ่า”ไปเป็น”เดลตา”และระบาดหนักรุนแรงรวดเร็วโดยมีแนวโน้มจะ”กลายพันธุ์”ให้ปราบยากต่อ แต่รัฐบาล “นายกฯลุงตู่”ยังคงยืนยันนำเข้ามา12ล้านโดสและยังมีในแผนนำเข้าต่อในปี 65 ที่ยังฝังใจจนนำไปสู่ความกังวล ยิ่งมามี กรณีครหาปัญหาการจัดซื้อชุดตรวจ ATK ล่าสุด ที่ทำให้ “นายกฯลุงตู่”กลับลำไปมาจนถูก”แพทย์ชนบท”แซว “ตู่ไม่แข็ง”ก็ยิ่งทำให้มีการฉายภาพกลับไปภาพเดิมที่มีการเปลี่ยนคำสั่งหลายครั้งทั้งปัญหาการลงทะเบียนฉีดวัคซีน การจัดหาที่บอกว่าAzจะส่งให้เดือนละ10ล.โดสจนสิ้นปี ที่มาพลิกตอนหลังเหลือส่งให้แค่ 5 ล.โดสต่อเดือน
โดยประเด็น “วัคซีน”นั้น แม้เมื่อวาน (25ส.ค.) จะมีการออกมายืนยันจากผู้บริหารAzว่าจะส่งวัคซีนให้ไทยได้ครบ61ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้แต่ก็ยังถูกคนจับผิดผ่าน การแถลงยืนยันตัวเลขเหมารวมแบบกลมๆจาก “หมอเบิร์ด”พญ.อภิสมัยเมื่อวาน(25ส.ค.) .เช่นกัน ที่บอกว่าการนำเข้าวัคซีน เดือนส.ค. อยู่ที่ 13.8 ล้านโดส เป็น Sv 6.5 ล.โดส Az 5.8 ล.โดส ไฟเซอร์ ที่ได้รับจากการบริจาค 1.5 ล.โดส ซิโนฟาร์ม 1 ล.โดส. เดือนก.ย. คาดว่าจะมีวัคซีนเข้ามาในไทยรวมแล้ว ประมาณ 15 ล้านโดส เป็น Sv 6 ล.โดส Az 7 ล.โดส ไฟเซอร์จะเข้าเพิ่ม 2 ล้านโดส ส่วน เดือนต.ค. และพ.ย. จะมีการจัดสรรวัคซีนประมาณ 17 ล.โดส เป็น Sv 6 ล.โดส Az 7 ล.โดส ไฟเซอร์จะมาก ต.ค. 8 ล.โดส เดือนพ.ย.และธ.ค. ไฟเซอร์จะเข้ามาเดือนละ 10 ล้านโดส โดย “หมอเบิร์ด”บอกด้วยว่าAz.รับปากว่าตั้งแต่เดือนก.ย.เป็นต้นไปจะจัดสรรวัคซีนให้ไทยอย่างน้อย7ล.โดส/เดือน ขณะที่เมื่อ ย้อนกลับไปดูข้อมูลAz เดือนมิ.ย.+ก.ค. ส่งได้ราว 10 ล้านโดส สิงหา 5.8 ล้านโดส ถ้าอีก4เดือนตั้งแต่ก.ย.-ธ.ค.เดือนละ7ล.โดสจะเท่ากับ28ล.โดสบวกของมิ.ย.-ส.ค.จะได้เพียง44ล.โดสไม่ใช่ 61 ล.โดส
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news