เสี่ยงคลายล็อก-ผ่อนการเมือง
ท่ามกลางความสนใจในข่าว “ผกก.โจ้” ที่มอบตัวเมื่อวานและออกมาในทรงที่หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยมากมายกับแวดวงสีกากี ที่เรื่องนี้ มีบางคนถามไปถึง “นายกฯลุงตู่” ในฐานะดูตำรวจด้วย ที่ในจังหวะนี้ กำลังเตรียมตัวที่จะชี้แจงการ “ซักฟอก” ปมความล้มเหลวการจัดการสงครามโควิด ที่ส่งผลให้มี ประชาชน เจ็บป่วยเสียชีวิต ที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติ และ “นายหัวชวน” นัดเปิดให้ซักฟอก นายกฯพร้อม 5 รัฐมนตรี ต้นสัปดาห์หน้า 31ส.ค.-วันที่ 3 ก.ย.ที่อภิปรายกันได้แค่เช้าถึง 2 ทุ่มเพราะยังติด “เคอร์ฟิว” ก่อนจะโหวตในวันที่ 4 ก.ย.ที่บังเอิญอีกว่าเป็นช่วงคร่อมระหว่าง ที่ ศบค.ชุดใหญ่ “นายกฯลุงตู่” เพิ่งเคาะวันนี้ว่าจะให้ “ผ่อนคลายล็อกดาวน์” จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) 29 จังหวัด มีผลในวันที่ 1 ก.ย.
โดยการผ่อนคลายงวดนี้ เน้นไปที่ การป้องกันส่วนบุคคลอย่างรอบด้าน (Universal Prevention) อาทิ ให้ร้านอาหารที่เปิดแอร์ นั่งรับประทานในร้านได้ 50 % ของที่นั่งในร้าน ร้านอาหารที่ไม่มีการเปิดแอร์ โล่ง อากาศถ่ายเท ให้นั่งได้ 75% ของที่นั่งในร้าน เปิดได้ถึง 20.00 น. เปิดห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมิวนิตี้มอลล์หรือสถานประกอบการอื่น ถึง 20.00 น. ห้ามจัดกิจกรรมมากกว่า 25 คน ใช้อาคารของสถานศึกษาได้ แต่ยังไม่เปิดเรียน บริการรถสาธารณะ จำกัดผู้โดยสารไม่เกิน 75% เดินทางข้ามจังหวัดได้ แต่ต้องจำเป็นเท่านั้น โดย ยังห้ามออกนอกเคหสถาน 21.00-04.00 น. และ WFH ต่อ อย่างน้อย 14 วัน
เรียกว่า การ “คลายล็อก” แบบมีข้อจำกัดเน้นที่การตั้งการ์ดประชาชน รอบนี้ แม้ส่วนหนึ่งอยู่ในจุดที่ “หมอหน้างาน” หลายคนเป็นกังวลว่ามี “ความสุ่มเสี่ยง”เป็นการ”ชิงสุกก่อนห่าม”จะทำให้การ “ยอมเจ็บ”ยอมเหนื่อยของคนไทยที่ผ่านมา “เสียเปล่า”โดยเฉพาะความกังวลจาก “แบบจำลองสถานการณ์”ที่แม้ ยอดผู้ป่วยระหว่างรักษาสะสมจะลดลงมากกว่าติดเชื้อใหม่ที่ยังอยู่ระดับหมื่นกว่าติดกันมา1สัปดาห์ แต่ก็ยังอยู่ใกล้ระดับ 2 แสนคน!!! ที่หากไม่มีการรักษาได้หาย ใน 15 วันจากนี้ไป ก็อาจจะมีคนตายเพิ่มอีกเพราะดูตัวเลขเสียชีวิตก็ยังกดไม่ลงจาก200กว่าต่อวัน อย่างที่มีการประเมินทางสถิติ จาก “ดร.สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง” อาจารย์พิเศษคณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ว่าช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาตัวเลขยืนยันแนวโน้มขาลงอย่างมั่นคง กราฟ %Increase วิ่งตามเส้นตรงที่แม้จะไม่ดีนักคือมี Time Constant ช้าระดับ 20.66 วัน แย่กว่าที่ไทยทำได้ในการ Lockdown จริงจังเมื่อปีที่แล้วที่อยู่ที่ 9.1 อย่างมาก แต่ก็เป็นขาลง ซึ่ง แนวโน้มนี้ไม่ดีพอที่จะคลาย Lockdown ในวันที่ 1 ก.ย. ซึ่ง ผู้ติดเชื้อใหม่รายวันจะยังอยู่ในระดับ 13,000 คน และ %Increase อยู่ที่ 1.1% วัคซีนก็ยังฉีดไปได้ไม่มากพอ
ทั้งนี้ อาจารย์สันต์ ยังสรุปว่า หากคลายล็อก 1 ก.ย. ชิงสุกก่อนห่าม ถ้าค่า Time Constant แย่ลงไปเท่ากับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อคลายล็อกช่วงเดือนพ.ค. คือ เท่ากับ 59 ผลคือ
1. กราฟ Total Case ของ Wave#4 จะไปจบที่ประมาณเกือบ 1,900,000 และผู้เสียชีวิตสะสมประมาณ 17,500 คน
2. ในวันที่ 1 พ.ย. 2021 จะมี New Case ต่อวันประมาณ 5,550 คน
3. มีโอกาสสูงที่จะเกิด Wave#5 ขนาดใหญ่ในช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค. ซึ่งอาจมีคนติดเชื้อเพิ่มอีกเป็นล้านและเสียชีวิตอีกเป็นหมื่น
4. เราอาจจะสูญเสียเดือน พ.ย. ธ.ค. เทศกาลปีใหม่ไปทั้งหมด ร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม การท่องเที่ยว อาจจะต้องกลับมา Lockdown อีกรอบจนสิ้นปี 5. เด็กๆไม่น่าจะได้ไปโรงเรียนอีกแล้วในปีนี้ และ 6. การเปิดประเทศของนายก อาจจะล้มเหลว และมีโอกาสสูงมากที่จะเพลี่ยงพล้ำในทางการเมืองถ้ามี Wave#5 เกิดขึ้น
เรียกว่า ส่วนหนึ่งต้องยอมรับการออกมาทรงนี้ ของ ศบค.กับการคลายล็อก ส่วนหนึ่งเพราะอย่าลืมว่าก่อนหน้านี้ “นายกฯลุงตู่” เจอ ”อารยขัดขืน” และเริ่มมีผู้ประกอบการไม่พอใจ ไปฟ้องร้องหลายคดีว่าทำให้เสียหายในขณะก็มีข้อมูลว่า ไม่ได้มีการใช้ประโยชน์จากการล็อกดาวน์จนตัวเลขพุ่งทะยานทั้งเจ็บตาย หากแต่ปัญหาเกิดจากการ “บริหารจัดการแบบซิงเกิ้ลคอมมานด์” ที่ไม่ได้แก้ปัญหา “คอขวด” ทั้งในมิติการคลี่คลายสถานการณ์ระบาดที่รุนแรงจาก”เดลต้า”ทั้งเรื่อง การป้องกัน ปมปัญหาวัคซีน การตรวจ-รักษา และยา ที่ทำให้สถานการณ์บานปลาย กระทั่ง นำมาสู่ การยื่น “ซักฟอก” ของฝ่ายค้าน ไม่นับรวม ท่าทีจากภาคเอกชนที่เริ่มแสดงความไม่พอใจการเจ็บที่ไม่จบ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news