ตัดสลับ“การบ้าน”ใน”การเมือง”กับ สถานการณ์”โควิดขาลง”ที่กำลังมีแรงกดดันจากภาคธุรกิจผู้ประกอบการไปยังรัฐบาลในการทวงสัญญา“เปิดประเทศ120วัน”ที่นายกฯเคยประกาศไว้
ซึ่งจะถึงในวันที่15ต.ค.ที่ ศบค.ชุดใหญ่ จะเคาะสรุปในวันที่ 14ต.ค.ว่าจะมีการผ่อนคลายมาตรการลง และยกเลิกประกาศเคอร์ฟิวส์หรือไม่ ที่ดูจากสถานการณ์แล้วหลายพื้นที่29จว.แดงเข้มรวมถึงจังหวัดชายแดนใต้ก็ยังปรากฏคลัสเตอร์ใหญ่ๆเช่นเดียวกันกับ สถานการณ์น้ำท่วมที่เปิดพื้นที่ให้ “ส.ส.-รัฐมนตรี”รวมถึง”นายกฯรัฐมนตรี พากันลงพื้นที่ “เก็บแต้ม”กันอย่างคึกคักถึงขนาดพรรคใหญ่รัฐบาลตั้งเป็นคะแนนวัดผลส.ส.
หลังจากก่อนหน้ามีภาพคล้ายการ “วัดพลัง”ระหว่าง “2ป.” “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”กระทั่งต้องออกมาส่งสัญญาณ “สามัคคีประนีประนอม” ลดกระแสความขัดแย้งกันใน “ศูนย์อำนาจ”ตั้งแต่เคส “4กรม กระทรวงเกษตร” มาถึง ส่งซิกอยู่ยาวอีก 5ปี ที่นครศรีธรรมราชของนายกฯก่อนจะมีภาพการส่งคนของ “นายกฯลุงตู่” อย่าง”พีรพันธ์ สาลีรัฐวิภาค-สมศักดิ์ เทพสุทิน”เข้ามาเป็นที่ปรึกษา “หัวหน้าป้อม” พร้อมๆกับการนำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยประเด็นบัตรเลือกตั้งสองใบขึ้นทูลเกล้าฯเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ที่ประเด็นการมาของ “พีรพันธ์”กลายเป็นอีกแรงกระเพื่อมทั้งมิติการประนีประนอมกันของศูนย์อำนาจ และมิติของการส่งมาประกบและรายงานข้อมูลความเป็นไปในพรรคพลังประชารัฐ ตรงกับ “นายกฯลุงตู่”ที่วันก่อนยืนยันว่าจะเป็นนายกฯของ พปชร. จนกว่าจะไม่มีพรรค เช่นเดียวกับ “พล.อ.ประวิตร”ที่ก็ย้ำหลายครั้งว่า “บิ๊กตู่”ยังคงเป็นแคนดิเดตนายกฯที่ พปชร.เสนอ แต่ที่เป็นติ่งที่น่าสนใจ คือ การที่ “หัวหน้าป้อม”ไม่ยอมบอกว่า พปชร.จะเสนอชื่อ “นายกฯลุงตู่”เพียงคนเดียวหรือไม่
และจะออกอาการทุกครั้งที่โดนสื่อถาม อย่างเช่นวันนี้(11ต.ค.) ที่นอกจากจะชี้แจงถึงกระแสภายใน พรรคพปชร.ที่คัดค้านการมาของ “พีระพันธุ์”ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค จะเป็นนายกฯสำรอง ว่า ไม่มีอะไรเป็นที่ตัวบุคคล ที่หลังจากนี้ตนจะไปคุยทำความเข้าใจกับคนให้ข่าวเองเป็นเรื่องของตน โดยเมื่อนักข่าว ถามว่า แคนดิเดต นายกฯของ พรรคพลังประชารัฐ ยังเป็น “นายกฯลุงตู่” เพียงคนเดียวหรือไม่ พลเอกประวิตรไม่ตอบแต่ส่ายหน้าแสดงมีหน้าไม่พอใจที่ถูกถามย้ำโดยกล่าวเพียงว่า “ถามอยู่นั่นแหละ”หลังจากที่เคยปฏิเสธจะตอบคำถามนี้มาแล้วหลายครั้ง
เรียกว่าแม้ประเด็น “ยุบสภา”จะถูกมองว่า ทั้ง พรรครัฐบาล รวมถึง พปชร.เองก็น่าจะยังไม่อยากให้เกิดขึ้นช่วงนี้อย่างที่มีการออกตัวจาก “อ.วิษณุ”ถึงกระบวนการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงวิธีการเลือกตั้งกลับมาเป็นบัตรสองใบไม่นับรวมที่ ”รัฐบาล”ยังติดติ่ง “ผลงาน”การแก้ “โควิด” และ ”เศรษฐกิจ”ที่ว่ากันว่า พรรคใหญ่ฝ่ายค้าน เตรียมหวดซ้ำในการหาเสียงโดยชูถึงประเด็นความผิดพลาดที่ส่งผลกระทบทั้งมิติโรคระบาดที่มีปัญหาการบริหารจัดการ และมิติผลกระทบเศรษฐกิจจากการ “ล็อกดาวน์”
ที่ส่งผลกระทบปากท้องประชาชน ที่สถานีถัดไปที่ถูกคอการเมืองประเมินคือ หากสะเด็ดน้ำลงตัว “นายกฯลุงตู่”จะต้องมีการปรับครม.ที่เกิด “ฟันหลอ”จากการปลด “ผู้กองนัส-อ.แหม่ม”ก่อนที่จะมีการเปิดสภาที่มีโอกาสจะเกิดแรงกระเพื่อมต่อรองและมีโอกาสจะเกิดเป็น “อุบัติเหตุการเมือง”ที่ส่งผลกระทบรัฐบาล เช่น การลงมติในกฎหมายสำคัญระหว่างเปิดสมัยประชุมสภา ที่จะเริ่มต้น 1 พ.ย.นี้ ที่หากเกิดปัญหาการโหวตไม่ผ่าน การยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ก็อาจเกิดขึ้น หลังรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ รวมถึงบรรดากฎหมายลูกที่ประมาณการณ์อยู่ในช่วงปีหน้าตามที่ “หัวหน้าป้อม”และ”เลขาผู้กองนัส”ทำนาย จนเกิดภาพโหมโรงการลงพื้นที่หาเสียงกันอย่างที่เห็น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news