หลังชิงจังหวะ “ขาลง”ทั้ง “โควิด”และ “รัฐบาล”ปฏิบัติการ “เราจะทำตามสัญญา”ออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ เมื่อวานซืน(11ต.ค.)ประกาศ“เปิดประเทศ”ที่เคยรับปากภายใน120วัน
ซึ่งถูกทวงถามจะครบ วันที่ 15ต.ค.โดย “นายกฯลุงตู่”ประกาศเปิดประเทศแน่ 1พ.ย.เชิญนักท่องเที่ยวหลายประเทศมาเที่ยวแม้รู้ว่าเสี่ยงแต่เพราะเสียดายจังหวะทำเงินปลายปี และเปิดให้ นั่งร้านดื่มสุราได้1ธ.ค.ทั้งที่ยังไม่ทันมีการสรุปจาก ศบค.ชุดใหญ่ที่จะประชุมพรุ่งนี้(14ต.ค.)ว่าจะคลายล็อก หรือเลิกเคอร์ฟิวส์ เลิกพรก.ฉุกเฉิน เลิกศบค.ที่ถือเป็นการจัดการภายในของประเทศไทยเอง
มาวันนี้(13ต.ค.)ระหว่างพิธีวางพวงมาลา เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรที่“นายกฯลุงตู่”มีโอกาส เจอ“พี่ใหญ่” เลยถือโอกาสโชว์หวานอีกรอบบุกประชิดตัวควงแขนประคอง “หัวหน้าป้อม”คุยกันหนุงหนิงสยบข่าว “3ป.”ยังร้าว ตอกย้ำคำประกาศ3ป.รักกันจนกว่าจะตายจากหลังมีข่าวเจรจาเคลียร์ใจ กันหลายยก จนนำมาสู่ภาพ การประนีประนอม หลังเคส “4กรม ก.เกษตร”กลายเป็นปัญหาลามออกไปนอกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)
ไม่ว่าจะเป็นการลงพื้นที่ดูน้ำท่วมเหนือใต้อีสาน จากที่มีภาพ “วัดกำลัง”ก็มีการ “สับหลีก” กันระหว่าง2ป.มากขึ้น รวมถึงการเปิดให้ คนที่นายกฯลุงตู่ใช้บริการอย่าง“พีรพันธ์-สมศักดิ์”เข้ามาทำงานร่วมกับพรรคเป็น “ที่ปรึกษาหัวหน้าป้อม”เพื่อบาลานส์และประสานรอยต่อระหว่าง “ตึกไทย”กับ “พปชร.”หลัง “สมศักดิ์”แห่ง “กลุ่มสามมิตร”เคยถูกปาดหน้า ตำแหน่ง“ประธานยุทธศาสตร์”โดย “หัวหน้าป้อม”ให้”บิ๊กน้อย” “พล.อ.วิชญ์”มานั่ง
และยังให้ “ผู้กองนัส”ยังคงเป็น “แม่บ้านพรรค”ต่อทั้งที่เพิ่งถูก “นายกฯตู่”ปลดจาก รมช.gกษตรฯ แถมให้เป็น “แม่ทัพ”นำสู้ศึกเลือกตั้ง ที่หมายถึงการ “คัดตัวผู้สมัครส.ส.”ครั้งต่อไป ที่ถูกมองว่าทำให้ “คนตึกไทย”ไม่สบายใจเพราะโหมดการเมืองแม้ “รัฐธรรมนูญ60”จะออกแบบมาให้เรา แต่ก็ยังต้องยังต้องพึ่งเสียงจากส.ส.นักการเมือง ยิ่งมีข่าวการเสนอชื่อ “นายกฯ”ที่อาจมีหลายชื่อก็ยังทำให้ต้องออกมาย้ำว่ายังเป็นแคนดิเดต
ที่ยังไม่นับรวมการส่งผลต่อการ “คุมจังหวะ”ในการจัดการ “อำนาจ”ที่ยากขึ้นจากปัจจัยการลากยาวมา7ปี ที่มาโดนเคส “โควิด”เข้าไปเต็มๆ กับการบริหารแบบ “ซิงเกิ้ลคอมมานด์”ที่ถูกประเมินว่า “ผิดพลาดล้มเหลว”ผ่านเวที “ซักฟอก”ก็ยิ่งส่งผลต่อเรตติ้ง “นายกฯลุงตู่”และนำมาสู่ความยากในการขยับอะไรในองคพายพ “เรือแป๊ะ”ไม่ว่าจะเป็นปรับครม.หรือจะตัดสินใจอะไร “ปัจจัยทางการเมือง”จะเริ่มเข้ามาเป็น “ตัวแปร”ที่มีการต่อรองเข้มข้นมากขึ้นแบบที่เกิดภาพยึกยักในคำสั่ง4กรมก.เกษตรฯและยิ่งมีเคส “ธรรมนัสเอฟเฟกต์”ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มอัตราเร่งของ “ความขัดแย้ง”ที่มีพื้นที่ปะทุผ่าน พรรคพปชร. และ สภาฯ ที่พร้อมจะเกิดปัญหาแบบ “อุบัติเหตุทางการเมือง”ได้ตลอด
เมื่อ “ฟังก์ชั่น”ทำงานดังการจะเปิดสภาวันที่ 1พ.ย.วันเดียวกับเปิดประเทศ ที่ต่อให้ “โฆษกรัฐบาล”บอกว่า การส่งซิกอยู่ต่ออีก 5 ปี และการยืนยันยังไม่มีความคิดจะยุบสภาปลายปีนี้ของ “นายกฯลุงตู่”เพราะ เพราะ ประเทศไทยจะต้องเป็นเจ้าภาพในการประชุมเอเปก ที่จะเริ่มตั้งแต่พฤศจิกายนนี้ ไปจนถึงปีหน้า แต่พอถึงเวลาจริง หากต้องมีกฎหมายสำคัญเข้าสู่การพิจารณาและต้องใช้เสียงลงมติ หากยังไม่มีการเคลียร์คัตกันก่อน ก็มีโอกาสจะเกิดเหตุที่หนักกว่าวันลงมติศึกซักฟอกได้เช่นกัน
ที่ทั้งหมดทั้งมวลยังไม่นับรวมไปถึง นอกสภา เรื่องราวคดีความต่างๆ ทั้งในกระบวนการยุติธรรมและองค์กรอิสระฝ่ายตรวจสอบการทุจริต ที่ “นักการเมือง”แต่ละฟากข้างเอง ก็ติดชนักกันถูกแปะผ้ายันต์กันพยศกันหลายคน รวมถึงบรรดากองหนุนหรือคนใกล้ชิดของ “ศูนย์อำนาจ”ที่หากเคลียร์คัตตัดจบกันได้ก็ “เจ๊า”กันไป แม้จะถูกสังคมจับตาและกระตุกเตือน อย่างที่เคส ล่าสุดที่เริ่มมีเสียงเรียกร้องให้ ปปช.แถลงกรณีเคสการแสดงบัญชีทรัพย์สินของ “บิ๊กติ๊ก”ที่มีรายงานว่าสรุปออกมาแล้วว่าไม่มีความผิดล่าสุด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news