เชื่อ”ลุงตู่”ชาติพ้นภัย
เชื่อ”ลุงตู่”ชาติพ้นภัย
@ เป็นอีกครั้งที่คนไทยต้องยอมรับความเสี่ยง แบบ “เชื่อผู้นำชาติพ้นภัย”กับการรักษาสัญญาตามม็อตโต้ “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน”ของ “นายกฯลุงตู่”ที่นั่งนานมา 7 ปี ซึ่งเคยประกาศจะเปิดประเทศให้ได้ใน 120 วันซึ่งกำหนด 15 ต.ค.แต่ขอขยับเอาชัวร์ ในวันที่1พ.ย.64 ที่ดีเดย์อีก 1 สัปดาห์ ซึ่งเมื่อวาน (21ต.ค.)”นายกฯลุงตู่”ทดสอบมา “เล่นเล็ก”จากที่มัก “เล่นใหญ่”แถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจจนมักถูกพรรคพวกเอาไปบลั๊ฟกลางสภาฯ มาเป็นการสื่อสารผ่านช่องทางโซเชียลโพสผ่านเฟซบุ๊ก ภูมิใจนำเสนอการขยายให้ชาวต่างประเทศจาก 46 ชาติมาเที่ยวประเทศไทย ในจังหวัดที่พร้อม ที่ก็รวมถึง “จังหวัดแดงเดือด”โควิดยังไม่สะเด็ดน้ำ อย่าง กรุงเทพฯ และ เชียงใหม่ ที่ก็ยังมี “คลัสเตอร์ใหม่ๆ ” เกิดขึ้นประปราย หลังการคลายล็อกมา 2-3 ขยัก กับการเปิดห้าง ขยายเวลา “เคอร์ฟิวส์”ทำให้ผู้คนเริ่ม ผ่อนคลาย ตามประกาศของ “ผู้นำ”ออกมาใช้ชีวิตชิลๆ ขึ้นกับการเดินห้าง กินอาหารในร้านอาหาร บางพื้นที่ “ออฟไซด์”ไม่รอ 1 ธ.ค. เปิดให้ดื่มสุราไปแล้ว จากที่เคยกลัวไม่กล้าออกจากบ้านกลายเป็นกล้าไม่กลัวและมีสัญญาณทำท่าว่าน่าจะงานงอกใหญ่ หากไม่มีมาตรการหรือแผนรับมือ
@ อย่างที่ “คุณหมอ”หลายท่าน รวมถึง “รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์”จาก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยออกมาแสดงความเป็นห่วง ถึงการเปิดประเทศนำเข้านักท่องเที่ยวจาก 46 ประเทศ ว่า จะมีแนวโน้มความเสี่ยงในจังหวะยังไม่ทัน“ฟื้นไข้”ของ “ไทยโควิด”โดยเตือนให้ “คนไทย”ทำได้แค่เตรียมท่องคาถา“อัตตาหิอัตโนนาโถ”คือ”ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” เพราะเมื่อวาน(21ต.ค.)ประเทศไทยยังคงติดเชื้อโควิดเพิ่ม 9,727 คน สูงเป็นอันดับ 11 ของโลกหากรวม ATK อีก 2,161 คน จะทำให้ยังคงเป็นอันดับ 10 ของโลก และไม่ว่าจะเป็นแค่ยอดที่รายงานทางการ หรือจะรวม ATK ไทยก็ยังคงเป็นอันดับ 1 ของอาเซียนอย่างต่อเนื่อง
@ คุณหมอยังยกบทเรียนจากเมือง Provincetown รัฐ Massachusetts ประเทศสหรัฐอเมริกา จากงานวิจัยของ Siddle KJ และคณะ ที่เผยแพร่ล่าสุด ที่รายงานถึงการกลับมาระบาดใหม่ในสหรัฐ โดยยกสถานการณ์ระบาดในเมือง Provincetown ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวโดยมีประชากรในเมืองราว 3,000 คนในช่วงเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นช่วงฤดูร้อน และมีกิจกรรมรวมกลุ่มต่างๆ มากมายหลายอย่าง จนทำให้เกิดการระบาดใหญ่ขึ้นมามีคนติดเชื้อไปกว่า 1,000 คน ที่สำคัญคือ คนติดเชื้อส่วนใหญ่นั้นได้รับวัคซีนครบโดสไปแล้วและคนติดเชื้อจำนวนมากมีอาการป่วย โดยยังพบว่าไม่ได้ระบาดจากแหล่งใดแหล่งหนึ่ง หรือเคสใดเคสหนึ่ง เหมือนที่เราคุ้นเคยจากประวัติการระบาดครั้งก่อนๆ ในอดีต แต่เป็นการระบาดที่เกิดขึ้นจากหลายที่พร้อมๆ กัน ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน อันเป็นผลมาจากเหตุการณ์ติดเชื้อแพร่เชื้อในสถานที่เสี่ยง กิจกรรมเสี่ยง และคนมีพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ ราว 25 เหตุการณ์
@ คุณหมอยังระบุว่า ผลกรณีศึกษานี้ สะท้อนให้เราตระหนักถึงความจริงที่ว่า ตราบใดที่ยังมีโรคระบาดกระจายอยู่ทั่ว และมีจำนวนมาก แม้จะได้รับวัคซีนไปครบ แต่หากไม่ป้องกันให้เคร่งครัด ก็จะเกิดการติดเชื้อจำนวนมากจากพฤติกรรมเสี่ยงในแต่ละสถานที่หรือแต่ละกิจกรรมได้ และว่า หลังเปิดประเทศ รับ 46 ประเทศ สิ่งที่จะตามมาคือ กิจการกิจกรรมต่างๆ จะมีมากขึ้นอย่างแน่นอนจำนวนคนที่มากขึ้นในพื้นที่ จำนวนการพบปะติดต่อสื่อสารและสังสรรค์กันจะเพิ่มขึ้น รวมถึงการค้าขายและบริการรูปแบบต่างๆ โอกาสใกล้ชิดกันจะมากขึ้นทั้งระยะและระยะเวลาที่ใช้ร่วมกัน ซึ่งตามหลักวิชาการแพทย์ เหล่านี้เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการระบาดที่จะทวีความรุนแรงขึ้น ดังนั้นนอกจากย้ำไปถึงมาตรการของ “ฝ่ายนโยบาย”แล้ว สำหรับ “ประชาชนทุกคน”ก็ต้องไม่ประมาทในการใช้ชีวิต และป้องกันตนเองและครอบครัวอย่างเคร่งครัด อยู่ห่างกันเกิน 1 เมตร จะลดอัตราติดเชื้อไปได้ 5 เท่า
@ เรียกว่าสภาพการณ์ ก็ยังเป็นไปอย่างที่ “นายกฯลุงตู่”บอกคือ “รู้ว่าเสี่ยงแต่ต้องขอลอง”อีกครั้ง ที่หลายฝ่ายโดยเฉพาะภาคเอกชนก็เห็นด้วยกับการเปิดประเทศ แต่ถึงวันนี้ ต้องยอมรับว่า ยังไม่มีการพูดชัดๆ ถึงมาตรการแผน1,2,3 ชัดๆ ในการรับมือหากเกิดสถานการณ์ระบาดกลับมาในระดับเลเวลใดทำอย่างไร อย่างที่วันนี้ (22ต.ค.)รมว.ท่องเที่ยว “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” เอง ก็ฉายภาพแค่เพียงเป้าหมายความคาดหวัง “เม็ดเงิน”จากนักท่องเที่ยว เพื่อแก้โจทย์วิกฤติเศรษฐกิจโควิด แต่ ก็ยังตอบยังไม่ชัดเช่นกันกับบางจุดที่ยังข้อนแย้งเช่น การยังไม่เลิกพรก.ฉุกเฉินยังเคอร์ฟิวจะปฏิบัติอย่างไรกับนักท่องเที่ยว รวมถึง ว่ารัฐบาล “นายกฯลุงตู่”มีแผนการรับมือ หากเกิดเอฟเฟกต์ ไว้แล้วอย่างไร ที่ทุกอย่าง “มัดรวม”ไปถึงคำถามที่ว่า จะมีโอกาสมั้ยที่จะ “ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย”อย่างที่ ครั้งก่อน “นายกฯลุงตู่”เคยฝากผลงานการบริหาร สถานการณ์โควิดแบบ “ซิงเกิลคอมมานด์”ให้ทุกคนเชื่อมั่นใน“ผู้นำ”แล้วชาติจะพ้นภัย โควิด-เศรษฐกิจที่ผลสุดท้ายถูก “ฝ่ายค้าน”นำ “ผลงาน”ไป “ยำใหญ่” “นายกฯลุงตู่”กลางสภาฯ.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news