พักรบศึกในสู้ศึกนอก ”นายพล กับ ผู้กอง” สงบศึก สู้เพื่อไทยรุ่นใหม่
เปิดทำการมาสัปดาห์นี้ ภาพ “ศึกใน”ระหว่าง”นายพล กับ ผู้กอง” “นายกฯลุงตู่”กับ “ร.อ.ธรรมนัส”ปรับโหมดเปลี่ยนมาเป็นร่องรอยความสงบ หลังจากที่ปลายสัปดาห์ที่แล้ว สภาฯเปิด เกิดเอฟเฟกต์ การจัดการควบคุมระหว่างการเปลี่ยนผ่าน “ประธานวิปรัฐบาล”จาก “วิรัตน์ รัตนเศรษฐ”แห่งกลุ่ม 3 ช. พร้อมภริยา และน้องภริยาที่เป็นส.ส.พปชร.3คน จำต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ส.ส.และประธานวิปทันที หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง รับฟ้องคดีทุจริตสนามฟุตบอลฟุตซอลจากอัยการ โดยมีการตั้ง “นิโรธ”ที่เป็นคนที่ “นายกฯลุงตู่”ไว้ใจ ขณะเดียวกันก็เป็นส.ส.สายเหนือของ “ผู้กอง”เช่นกัน มาเป็น “ประธานวิปรัฐบาล”แทนแก้ปัญหาอาการ “เสียวสันหลัง”ของ”นายกฯลุงตู่”ในสภาฯที่สมัยประชุมนี้มีกฎหมายสำคัญระดับที่หากไม่ผ่านการโหวตเกิดคว่ำขึ้นมาแล้วจะกระทบกับ “นายกฯ”ที่ต้องรับผิดชอบ และชิมลางกับปรากฎการณ์สภาล่ม และความวุ่นวายจากที่ส.ส.ฝ่ายค้านโปรยข้าวเปลือก ประจาน รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำเหลือกิโลละ5บาท จากพรรคร่วมรัฐบาล ไม่มาตอบกระทู้ในสภา
เรียกว่าเหตุปัจจัย ที่ “ฝ่ายค้าน”โย “พรรคเพื่อไทย”ทำการรีแบรนด์ และ ดิสคัฟเจนเรชั่นรุนลุง มีการเปิดตัว “อุ๊งอิ๊ง”กล่องดวงใจของทั้ง “คุณหญิงอ้อ-และลุงโทนี่” และเปลียนหัวหน้าพรรคจาก “สมพงษ์”เป็น “หมอชลน่าน”สร้างความมั่นใจให้กับบรรดานักการเมืองที่กำลังจะชิ่งหนีย้ายพรรคเปลี่ยนใจ รวมถึงกลับมาทวงฐานความไว้ใจจากมวลชน “คนเสื้อแดง”และขยายไปสู่อีกเจเรชั่น ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายเดียวกันกับ “พรรคก้าวไกล”กับข้อเสนอหวาดเสียวจาก”ชัยเกษม”ประธานยุทธศาสตร์พรรค กับการรับเป็นธุระนำปมแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย ม.112 และ ม.116 ที่ “กลุ่มม็อบเด็ก”กำลังเรียกร้องเข้าสู่การพิจารณาของสภา ซึ่งสร้างแรงกระเพื่อมให้กับ “กลุ่มอนุรักษ์นิยม”และกองหนุน “นายกฯลุงตู่”ที่ก็ยุตลอดให้ลุงแยกวงไปตั้งพรรคใหม่กับ หรือ“พรรคปลัดฉิ่ง”แบบที่มีข่าวก่อนหน้านี้ จน “ลุงโทนี่”ต้องรีบออกมาอธิบายว่าไม่ได้แตะในระดับลึกกับม.112 แต่แตะแค่วิธีการใช้ที่ครอบจักรวาลเป็นเครื่องมือการทางการเมืองและส่งผลกระทบประชาชน
ที่อาการกระเพื่อมดังว่า มาในจังหวะที่ ทุกฝ่ายการเมือง มีการเตรียมพร้อมสำหรับ สนามศึกเลือกตั้งระดับชาติ เพราะเหตุแห่งปัญหา“เสถียรภาพรัฐบาล”ความขัดแย้งใน “3ป.”ระหว่าง พี่ใหญ่-น้องเล็ก ระหว่าง “นายพล”กับ”ผู้กอง”ที่ฝ่ายหนึ่งกุม “ฝ่ายบริหาร” ฝ่ายหนึ่งกุม “ฝ่ายนิติบัญญัติ” ที่อาจทำให้เกิด “อุบัติเหตุการเมือง”ได้ทุกระยะในสมัยประชุมนี้ อย่างที่ช่วงวันหยุด…ทั้ง “หัวหน้าป้อม”และ”ผู้กอง” “อ.แหม่ม”ไปขึ้นเวที เปิดสาขาพรรคพปชร.ที่จ.นราธิวาส ปราศรัยประกาศว่า พปชร.ใจถึงพึ่งได้ มั่นใจจะกวาดส.ส.ทุกที่นั่ง ขอให้ทุกคนเชี่อมั่นในนโยบายพรรคฯที่มีเป้าหมายและจุดยืนในเรื่องของการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และมุ่งการเดินหน้าแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง
ที่ทั้งหมด ยัง รวมถึง สนามศึกเลือกตั้งท้องถิ่นที่ต้องมาก่อนเพื่อวัดเรตติ้งสนามเลือกตั้งระดับชาติ โดยเฉพาะการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร.ที่ พปชร.มีการจัดทัพและเปลี่ยนแปลงตัวจาก “พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา”เป็น”ผู้ว่าวิน” “อัศวิน ขวัญเมือง”เพื่อสู้กับกระแส “ชัชชาติ สิทธิพันธ์”ที่โพลทุกสำนัก ให้มาอันดับหนึ่งตลอด ที่ “หัวหน้าป้อม”ยอมรับกลายๆ(8พ.ย.)กัยข่าว“บิ๊กแป๊ะ”มาเข้าสังกัดพปชร.หลังมีข่าวว่าจะให้เข้ามาช่วยดูแลพื้นทีอีสานเหนือ…เช่นเดียวกับ “ปลัดฉิ่ง” “ฉัตรชัย พรหมเลิศ”ที่จะมาสมัครสมาชิกพรรคพปชร.โดยบอกว่า “ถ้าจะมา ก็มา และยังไม่ได้พูดคุยกัน แต่ถ้ามา ตนก็รับอยู่แล้ว”
เรียกว่าสภาพการณ์ ที่ผลัดกันพลิก จนมาถึงจุด เปลี่ยนแปลง เพื่อแก้อาการเสียวหลัง ของ “นายกฯลุงตู่”ด้วยการจากไปของ “วิรัตน์”ประธานวิปฯ จากคดี ฟุตซอล และการมาของ “นิโรธ” ถูกมอง ว่า ถือเป็นจังหวะ “พักรบ”เพื่อ “พบรัก”กันชั่วคราว เพื่อสู้ศึกภายนอกที่เริ่มกระเพื่อม และเอาเข้าจริงนักการเมืองส.ส.ฝ่ายรัฐบาลเองก็ใช่ว่าอยากจะ “ลงทุน”กันตอนนี้ ในขณะที่ “นายกฯลุงตู่”เองก็ยังมี “การบ้านค้างส่ง”ประชาชน กับ “เดิมพัน”การแก้ปัญหาโควิด-เศรษฐกิจ ที่ยอมเสี่ยง “เปิดประเทศ”รับฝรั่งเข้าเมือง ที่มาได้ครึ่งทาง7วันจาก 14 วันที่ ศบค.ต้องประเมินผล ที่เริ่มมียอดติดเชื้อเพิ่มอย่างมีนัยยะสำคัญ ที่หากเสี่ยงสำเร็จก็ได้แต้มที่พอจะกลับมาอยู่ต่อ แต่หากล้มเหลวเกิดระบาดติดเชื้ออีกรอบก็ม้วนเสื่อเช่นกัน.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news