ศึกซ้อนรัฐ-ปฏิรูปกับล้มล้าง
ในจังหวะโหมดการเมืองว่าด้วยเสถียรภาพรัฐบาลกำลังง่อนแง่นจากความขัดแย้งภายในจาก “ศึกนายพล กับผู้กองฯ”ที่ลุกลามขยายวงจาก พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ถึงตึกไทยฯทำเนียบฯ และบ้านป่ารอยต่อ และขยายต่อออกไปรอบข้าง “พรรคร่วมรัฐบาล”
ที่ถูกดึงเข้ามาเป็น”ตัวช่วย”ดังที่ “หัวหน้าป้อม”เตรียมจัดโต๊ะจีน นัดกระชับมิตรพรรคร่วมรัฐบาล โดยเชิญ “นายกฯลุงตู่”ที่ตอบรับแล้วมาร่วม 26พ.ย.ที่เอาเข้าจริงคอการเมืองประเมิน น้ำหนักงานเลี้ยง น่าจะไปอยู่ที่จะมีจังหวะ “กระชับมิตร”กัน ภายในศูนย์อำนาจ 3 ป. โดยเฉพาะ “2ป.”ที่รวมถึง “ผู้กองนัส”มากกว่า
โดยเฉพาะจับอาการ นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลเอง ก็ใช่อยากจะกลับไปแข่งขันในสนามเลือกตั้งเร็วนัก หากกระสุนดินดำเสบียงกรังยังไม่พอ แม้บางพรรคจะเริ่มเห็นมีการกวาดต้อนผู้สมัครจากพรรคอื่นและท้องถิ่น พร้อมลงพื้นที่กันถี่ยิบเก็บแต้มไม่ประมาทใน สัญญานที่อาจเกิด “อุบัติเหตุการเมือง”ซึ่งมีโอกาสจะเกิดในสมัยประชุมนี้ อย่างที่ “นายกฯลุงตู่”ที่ยังไม่หายกังวลตราบที่ “ผู้กอง”เจ้าของประโยค“เจ็บจำนาน”ยังกุมสภาพส.ส.แม้จะเปลี่ยนตัว”ประธานวิปรัฐบาล”และให้ไปประชุมที่ทำเนียบฯแล้ว จนวันก่อนต้อง ดักคอ คนที่คิดจะใช้ การโหวตกฎหมายสำคัญไม่ผ่านที่นายกฯต้องรับผิดชอบ จนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองว่า “ใจร้าย”ต่อประเทศและประชาชน
ในขณะที่หันมาดูพรรคฝ่ายค้านเองทั้ง พรรคเพื่อไทย และก้าวไกล ที่แม้จะดูแย่ง “กลุ่มเป้าหมาย”กันเอง แต่โพลสำรวจ นอกจากจะชี้ถึงแนวโน้มของอาการ”ขาลง”ของ”นายกฯลุงตู่”ยังบอกถึงแนวโน้มการแซงหน้า พปชร. และ แคนดิเดตนายกฯ ของพปชร. ที่ตรงกับ “โพลสำรวจภายในพปชร.”ที่ถูกทำโดยทีมแม่บ้านพรรค ที่ชี้เป้าไปที่พื้นที่ กทม.และภาคใต้ อันเป็นเหตุปัจจัยให้ “นายกฯลุงตู่”ต้องเสี่ยงเดิมพันกับ“การบ้าน”ตรงหน้าเรื่อง ในปม“โควิด-เศรษฐกิจ”ที่ถูกมองว่า “สอบไม่ผ่าน”ตั้งแต่ศึกซักฟอกครั้งก่อนที่ถูกยำตามรอยการบริหารแบบ “ซิงเกิ้ลคอมมานด์”ที่หนนี้ ถ้า “สอบผ่าน”ย่อมชอบธรรมและตีคืนเก็บแต้ม
ยิ่งมาในจังหวะที่เมื่อวาน(10พ.ย.)ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยปม “ปฏิรูป=ล้มล้าง”หรือไม่ สั่งให้ข้อเสนอการปฏิรูปสถาบันของแกนนำคณะราษฎรและการเคลื่อนไหว เข้าข่ายการกระทำที่ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และสั่งให้เลิกการกระทำรวมถึงการกระทำของเครือข่ายในอนาคต ที่กำลังก่อเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมของแต่ละฝ่ายวันนี้ ว่า คำวินิจฉัยของศาลดังกล่าว จะสามารถยุติความขัดแย้งในสังคมและยุติการออกมาของ “ม็อบเด็ก”ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับ “ฝ่ายอำนาจรัฐทหาร”ของ “3ป.”ปัจจุบัน มาตลอดได้หรือไม่ หรือจะยิ่ง “ลุกลามบาดลึก”ไปสู่ ความขัดแย้งซ้อนซ่อนในรัฐ ไม่นับรวมการนำมาเชื่อมกับเกมอำนาจทางการเมือง แบบที่เริ่มมีสัญญาน “นักร้อง”รวมถึง “ตัวละคร”ที่มีบทบาท เตรียมไปยื่น กกต.สอบพรรคการเมือง และ นักการเมืองที่สนับสนุน “ม็อบเด็ก”ที่ผ่านมา จะเข้าข่ายล้มล้างการปกครองตามคำวินิจฉัยหรือไม่ ที่แน่นอน พรรคการเมือง และนักการเมืองที่ว่ามีอยู่ 2 พรรค คือก้าวไกล และเพื่อไทย ที่ก่อนหน้านี้โพลบอกว่ามาอันดับ1แซง พปชร.และชื่อของ “พิธา”หัวหน้าพรรคก้าวไกลก็มีคะแนนแซงหน้า”นายกฯลุงตู่”
ที่ทั้งหมดสถานการณ์ดูจะเริ่มมีความคล้ายแหมือนการ “วนลูป”กับไปสู่ภาพที่เคยเกิดในห้วง20ปี กับการเมืองแบบล้มกระดาน บนผลประโยชน์และอำนาจรัฐ หากแต่จะต่างที่บรรดาตัวละครในยุคสมัยอำนาจ เริ่มทยอยแก่เฒ่า ล้มหายตายจาก ที่รวมถึง บรรดาลุงๆที่อยู่ในอำนาจก็มีเวลาอีกไม่นานตามปัจจัยแห่งธรรมชาติ และเริ่มปรากฏปากเสียงของบรรดานักการเมืองเจเนอเรชันใหม่ ที่เชื่อมต่อ กับเจเนอเรชันปัจจุบัน เด็กเยาวชนสนใจสถานการณ์บ้านเมืองเพราะส่งผลกระทบกับเขาและออกมาเคลื่อนไหวอย่างที่เห็น.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news