ครม.แตก-ศึกปิดล้อมลุง สภาล่ม ฝ่ายค้านไม่เข้า ฝ่ายรัฐบาลไม่สน บิ๊กป้อมปวดหัวเป็นกาวใจให้ไม่ไหวแล้ว ส่งสัยต้องยุบสภา
โจทย์เดิมการถูกไล่ตีกระหนาบ “ปิดล้อม”ในเวที “ฝ่ายนิติบัญญัติ”ด้วยเกม“สภาล่ม”ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่เกิดจาก “ศึกใน”ผสม “ศึกนอก”กองกำลัง “18ส.ส.กบฏผู้กอง”เปิดทางให้ “ฝ่ายค้าน”ปฏิบัติการ ไม่แสดงตน“นับองค์ประชุม”ในทุกแมต แบบที่เห็นร่องรอยส.ส.จากพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค แม้แต่ คนในพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เอง ก็หายหน้าหายตาเวลานับองค์ประชุม แบบที่ยังไม่ทันจะ “เคลียร์คัต” แถมยังต้องลุ้นในอีก 2 วันข้างหน้า(10ก.พ.) ที่จะมีกฎหมายสำคัญระดับ พระราชกำหนด(พรก.) เข้าสู่การพิจารณาของสภา 2 ฉบับ ที่หากสภาไม่อนุมัติรัฐบาล “นายกฯลุงตู่”ต้องลาออกหรือไม่ก็ต้องยุบสภา
กับปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นในส่วนของ “ฝ่ายบริหาร”ที่“นายกฯลุงตู่”คุม ที่วันนี้(8ก.พ.)“เสี่ยหนู”หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นำทีม7รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย(ภท.)พร้อมใจการกันลาประชุม เพื่อแสดงอาการบอยคอต ไม่เห็นด้วย ที่“บิ๊กป๊อก”ในฐานะ “มท.1” นำ เรื่องการขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสีเขียวเข้าถกเพื่อขอมติครม.แถมตกสายๆ ส.ส.ภูมิใจไทยที่สภายังออกมาแถลงเห็นด้วยกับการ”บอยคอต”ดังกล่าว ส่งผลให้ที่สุดครม.มีการเลื่อนวาระการประชุมเรื่องนี้ออกไป อย่างที่ “บิ๊กป้อม” ต้องออกหน้าแจงแทน “น้องป๊อก”เพื่อผ่อนแรงเสียดทานในรัฐบาล ว่า โครงการนี้ ยังไม่ได้พิจารณา แต่จะต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไรต่อไป ยังไม่ได้ตกลงใจว่าจะเอาอย่างไร เพราะถ้าไม่พิจารณาก่อนจะผิดมาตรา 157
เรียกว่าไม่แต่ “ศึกใน”ที่เกิดจาก “กบฏร้อยเอก”ที่ลุกลามมาสู่“ปมขัดแย้ง”ใน “3ป.”จนเกิดภาพการตั้งพรรค 2ป. กับ พรรค1 ป. และตามมาด้วยเกมส่งคนไปร้องกกต.เพื่อ“ตัดตอน”พรรคเศรษฐกิจไทยที่มี “น้องเลิฟ”และ”น้องในไส้”ของ “บิ๊กป้อม”ไปกุมสภาพ ที่ “กบฏร้อยเอก”นำกำลังไพร่พลไปตั้งรกรากขยายฐานในฐานะ “พรรคร่วมรัฐบาล”ยกระดับจาก”หอกข้างแคร่” แถมเล่นสงครามเขย่าประสาทกับ “นายพล”ประกาศชัดเป้าหมายมีมากกว่าต่อรอง “เก้าอี้ดนตรี”และไม่บอกว่าจะเป็นส.ส.รัฐบาลหรือฝ่ายค้านแล้วแต่สถานการณ์ ที่นอกจากจะส่งผลต่อเสียงของรัฐบาลในสภากลายเป็นปัญหา “เสถียรภาพรัฐบาล”แล้วยังกลายเป็นความสุ่มเสี่ยงในทุกจังหวะก้าวของรัฐบาลที่จะเกิด “อุบัติเหตุการเมือง”มากไปกว่าที่ “ฝ่ายค้าน”เดิมเกม “ผสมโรง” “นับองค์ประชุม”แบบ “ซ้อมย่อย” ให้เห็นถึง “ความง่อนแง่น”ในอาการ “เสียงปริ่มน้ำ”ของรัฐบาล ที่ทำให้เกิด “แนวร่วมมุมกลับ”กลายเป็นการ“เปิดช่อง”ให้ทุกเสียงใน พรรคร่วมรัฐบาล หรือแม้แต่ในพปชร.และ ในบรรดา พรรคเล็ก ที่มี “มูลค่าเพิ่ม” ต่อรองกับ“ศูนย์อำนาจ”ได้ทุกจังหวะทั้งในและนอกสภาฯ แบบที่กำลังเกิดขึ้นกับอาการของ พรรคภท.และจะยังเกิดขึ้นต่อไป
ที่อาการ “ครม.แตก” “สภาล่ม”อย่างที่กำลังปรากฏ ย่อมไม่เป็นผลดีกับประเทศที่กำลังอยู่ในสภาพวิกฤติทั้งจาก “โควิดโอไมครอน”และจาก “วิกฤติเศรษฐกิจปากท้อง”ที่บางส่วนกลายเป็นแรงเหวี่ยงไม่พอใจไปที่ ทั้ง“ฝ่ายนิติบัญญัติ” และ”ฝ่ายบริหาร” โดยเฉพาะ นักการเมืองที่เล่นเกมการเมือง แต่ก็มีจำนวนมากที่มองไปที่ “ศูนย์อำนาจ3ป.”โดยเฉพาะ “นายกฯลุงตู่”ที่ตกเป็นเป้า “ตำบลกระสุนตก”ยามนี้ ที่ก็เป็นต้นตอของปัญหาที่นำมาสู่แรงกดดันต้องการให้เกิดการ “รีเซ็ตใหม่”เช่นกัน อย่างที่ “นักวิชาการรัฐศาสตร์การทหาร”อย่าง “อ.สุรชาติ บำรุงสุข”วิเคราะห์ ทำนอง ว่า “การเมืองไทยเดินมาถึง “จุดพลิกผัน” ที่อะไรๆ ก็อาจเกิดขึ้นได้ นับจากนี้ไป “ห้ามกระพริบตา” เพราะสถานะของรัฐบาลและตัวผู้นำซึ่งเป็นเสมือนกับ “แม่ทัพใหญ่กลางสนามรบ” กำลังเผชิญกับการ “ปิดล้อม”ของฝ่ายตรงข้าม และถูกกระชับวงล้อมมากขึ้นทุกวัน จนเริ่มมีคำถามด้วยความกังวลว่า แม่ทัพใหญ่จะอยู่รอดจากการรบครั้งนี้ไปได้หรือไม่
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews