ยังอึมครึมวุ่นวายทั้ง “ฝ่ายบริหาร”และ “ฝ่ายนิติบัญญัติ” ไม่แต่สภาฯ ยังมีปัญหา “สภาล่มซ้ำซาก”จากเกมการเมืองของทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลที่มีส่วนผสมทั้ง “กองกำลังอิสระ”18ส.ส.ของ “ผู้กองนัส”และ “กองกำลังแฝง”ที่อยู่ในพรรคร่วมรัฐบาล
ยังอึมครึมวุ่นวายทั้ง “ฝ่ายบริหาร”และ “ฝ่ายนิติบัญญัติ” ไม่แต่สภาฯ ยังมีปัญหา “สภาล่มซ้ำซาก”จากเกมการเมืองของทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลที่มีส่วนผสมทั้ง “กองกำลังอิสระ”18ส.ส.ของ “ผู้กองนัส”และ “กองกำลังแฝง”ที่อยู่ในพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึง พรรคหลักอย่างพลังประชารัฐ(พปชร.)เอง จากจำนวนตัวเลขที่มีการไม่กดบัตรแสดงตน เพื่อให้ “ไม่ครบองค์ประชุม”เมื่อวาน(10ก.พ.)ที่แม้ส่วนใหญ่จะเป็น “ฝ่ายค้าน” แต่หากสแกนไส้ใน ฝ่ายรัฐบาลก็มีการไม่แสดงตนและหายตัวเช่นกันโดยเฉพาะในพปชร. 97 คน ที่แสดงตน 76 คน ถึงขนาดเมื่อนักข่าวเอามาถาม “หัวหน้าป้อม”ถึงกับเดินหนี ในขณะที่ฝ่ายค้านเพื่อไทยอ้างว่า ที่เดินเกม นับองค์ประชุมเพื่อกดดันฝ่ายรัฐบาลให้มาทำงาน โดยเลือกจังหวะสำคัญไม่ได้ทำพร่ำเพรื่อ ขอให้ฝ่ายรัฐบาลมีความรับผิดชอบมากขึ้น เพราะองค์ประชุมเป็นเรื่องสำคัญไม่ว่าวินาทีไหน
ขณะเดียวกันใน ฝ่ายบริหาร “รัฐบาลลุงตู่” ที่แม้มีภาพเหมือนจะเคลียร์คัตดับไฟไม่ให้ลามในจังหวะ “ศึกนอกศึกในรุม”กับการได้เจอหน้าในการประชุมทั้งประชุม ศบค.และ ปิดห้องคุยเฉพาะ และ มาแถลงร่วมกันระหว่าง “นายกฯลุงตู่” “บิ๊กป๊อก”กับ “เสี่ยหนู”และ “ศักดิ์สยาม”ก่อนจะมาแถลงข่าวร่วมกัน หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ “หมูไม่กลัวลุง” นำ7รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย(ภท.)“บอยคอต”ไม่ร่วมประชุม ครม.ที่มีวาระพิจารณาการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ก่อนที่จะมีภาพ “เสี่ยหนู”ไปประชุมสภาฯจับมือคุยกับ “ผู้กองนัส”วันเดียวกัน โดย ภาพจากวงประชุมศบค.ออกมาเหมือนยังตึงๆไม่มองหน้ากันโดยเฉพาะ “นายกฯลุงตู่”ทั้งที่นั่งหัวโต๊ะตรงกลางมี “เสี่ยหนู”นั่งข้างขวา “บิ๊กป๊อก”นั่งซ้าย แต่กลับหันไปแต่ทาง “บิ๊กป๊อก”ตลอดเวลาการประชุม โดยไม่ยอมหันมาทาง “เสี่ยหนู”
ที่แม้ จะมีการ ปิดห้องคุย หลังประชุม ศบค.ก่อนมายืนเต็มแผงแถลงร่วมกัน แบบที่ “นายกฯลุงตู่”รีบออกตัวว่า บรรยากาศการเจอหน้ากัน ไม่ได้อึมครึม เมื่อ “นักข่าว”ถาม ว่าการปิดห้องคุย ต้องการเคลียร์หรือไม่ ที่ “ลุงตู่”บอกว่า ปม รถไฟฟ้าสายสีเขียว เป็นเรื่องของคณะรัฐมนตรี ที่จะว่ากันไปกฎหมายทำได้ ก็ทำได้ ก็แค่นั้น ยืนยัน บรรยากาศประชุมไม่อึมครึม เพราะตนพูดเสียงดัง ฟังชัด ตลอดเวลาตนก็ฟังข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ เขาทำกันมาแทบตาย ฟังเสียบ้าง เพราะต้องตัดสินใจบนฐานข้อมูลที่ถูกต้อง หลังจากที่ ตอนเช้า“บิ๊กวิน” “พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง”ผู้ว่ากทม.ปัดที่จะชี้แจงอีก โดยโบ้ยไปที่ “บิ๊กป๊อก”มท.1 เพราะมีการตอบเรื่องที่ พรรค ภท.ถามมาทั้ง4ประเด็นไปแล้ว8รอบ จึงหมดหน้าที่เรื่องนี้แล้วให้การพิจารณาเป็นเรื่องของผู้ใหญ่
ขณะที่ทั้ง“เสี่ยหนู”และ”ศักดิ์สยาม”แม้จะยืนยัน ว่าจากปม “รถไฟฟ้าสายสีเขียว “ไม่ถึงขนาดที่ ภท.จะถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล โดยยืนยันว่า เสถียรภาพรัฐบาล ยังมั่นคงมาก เพียงแต่ขอให้ กระทรวงมหาดไทย.ของ “บิ๊กป๊อก”และ กทม.ของ “บิ๊กวิน”ต้องอธิบาย วิธีโอนหนี้ขยายสัญญาให้ได้ ต้องไม่ขัดกฎหมาย แม้ “บิ๊กวิน”จะบอกว่า ถามมา 8 ครั้ง ก็ต้องตอบถ้าไม่เคลียร์ ภูมิใจไทย ก็ขอ สงวนความเห็น นอกจากนี้ “เสี่ยหนู”ยังบอกว่าที่ “นายกฯลุงตู่”ปิดห้องคุย ยังมีเรื่องการเตรียมรับมือการ “ศึกซักฟอก” แบบไม่ลงมติ ปลายสัปดาห์หน้า 17-18กพ. และ “ศึกซักฟอก” แบบลงมติในเดือนพฤษภาคม ประมาณว่าเหมือนเป็นการ เช็คความมั่นใจเสียงจาก พรรคร่วมรัฐบาล อย่างพรรค ภท.ของ “หมอหนู”ที่กำลังมีปัญหาท่าทีหลังจากที่ก่อนหน้านี้ หลัง“หัวหน้าหนู”นำทีม 7 รัฐมนตรี “บอยคอต”ไม่ร่วมประชุม เพื่อคัดค้านการต่อสัมปทาน รถไฟฟ้าสายสีเขียวเป็นครั้งที่5 จนทำให้ “นายกฯลุงตู่”และ “บิ๊กป๊อก”ชะลอเรื่อง เพื่อนำกลับเข้ามาใหม่
ที่วันก่อน “นายกฯ”บอกว่าจะใช้มติเสียงข้างมากในที่ประชุมครม. จนเมื่อวานมี“สัญญาณ”จาก “เสี่ยหนู” ที่ออกมาทั้งจาก “แถลงการณ์ของ ภท.”และจากการสัมภาษณ์ทำนอง ว่า ถึงที่สุดก็“แล้วแต่”นายกฯ หากจะมีการใช้มติเสียงข้างมาก โดย “เสี่ยหนู”บอกว่าตนเป็นคน “รู้สี่รู้แปด” ว่า เป็นอย่างไรโดย “ลุงตู่”ยังไงก็ต้องเลือกเห็นตาม“พี่รอง”เพราะเขาเป็นพี่น้องกัน แต่ พรรคภท.ก็ยังยืนยันในหลักการ และขอให้ต้องมีคนรับผิดชอบร่วมหากเกิดปัญหาถูกฟ้องร้องไม่ใช่ปล่อยให้ตนกับ “อ.วิษณุ”รับหน้าเสื่อ โดยยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง
เรียกว่าเอาเฉพาะแค่เรื่อง “รถไฟฟ้าสายสีเขียว”ที่ราคาซังกันมาหลายยกจน “ลุงตู่”จะครบวาระ8ปีเดือนสิงหาคมนี้ ก็ยัง “ปิดจ๊อบ”ไม่ได้ และเรื่อง “สภาล่ม”ต่อเนื่องนับแต่เสียงรัฐบาลแหว่งไปจาก “18เสียงผู้กองนัส”ที่ตั้งตนเป็น “รัฐอิสระ”ไม่ขึ้นกับใครรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน แม้ “หัวหน้าป้อม”จะบอกว่าหนุนรัฐบาล แต่พอถึงจังหวะ “ลุงตู่”ได้เสียกองกำลังอิสระก็จะแผลงฤทธิ์ “เล่นงานเฉพาะลุงตู่”ก็สำแดงให้เห็นถึง “ปัญหาหนัก”ของรัฐบาลที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นไม่แต่เฉพาะกลุ่มก๊วนก๊กต่างๆที่เหลือในพปชร.รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาล ที่มีข่าวกำลังดูทางหนีทีไล่ หากแต่ยังหมายถึงภาคส่วนอื่นๆโดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจนักลงทุนที่เริ่มมีการส่งสัญญาณกันมาบ้างแล้ว อย่างที่ “หมอตี๋” “สาธิต”จากประชาธิปัตย์ บอกว่า “นายกฯลุงตู่”ต้องรีบแก้ปัญหา
การเมืองที่เกิดขึ้นขณะนี้ เพราะมีผลกระทบกับการบริหารราชการแผ่นดินบนพื้นฐานของความไม่แน่นอน ทำให้ความเชื่อมั่นลดลง หากการบริหารระดับปกติอยู่ในระดับ 80% ก็อาจจะลดลงเหลือ 60-70% ดังนั้น นายกรัฐมนตรี ต้องมีท่าทีที่ชัดเจนว่าเป้าหมายสูงสุดคืออะไร ต้องปรับรูปแบบใหม่ในการเดินหน้า จนถึงในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงและไม่แน่นอน.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
