ความ“ทวงเงินยาย”คนชราไม่ทันหายความปกปิด“โควิดมะตูม”ก็ตูม ๆ เข้ามาแทรกจนกระเพื่อมไปทุกวงการบันเทิงถึงการเมือง และสื่อหรือเซเลป ที่ทุกสายตากำลังรอ“วัดใจ”ว่า“หมอหนู”ที่ขู่เหยง ๆ จะดำเนินคดีคนปกปิดข้อมูล โรงแรม คนจัดงาน และร่วมงานปาร์ตี้ และ“ลุงตู่”จะเอาจริงแค่ไหนกับตัวละครที่อาจมีมากกว่า 24 ราย ที่ติดเชื้อโควิด หรือบรรดาผู้เสี่ยง ที่เป็นข่าว และไม่เป็นข่าว ที่ถูก“หมอ”ระบุว่ามีการ“ปกปิดข้อมูล”โดยเฉพาะ“ไทม์ไลน์”การเคลื่อนไหวของผู้ติดเชื้อหลายรายที่มาเปิดเพราะจวนตัวจริง ๆ จนข้อมูล“ไทม์ไลน์”ของ“บิ๊กวิน”ต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา จนทำเอาชาวบ้านที่“ตั้งการ์ดสูง”ตื่นไปทั้งเมือง ที่เรื่องนี้ดัน“ปูด”มาในจังหวะที่ทุกการขยับของ“ลุงทำเนียบฯ”ในทุกประเด็นกำลังถูก“จับผิด”จาก“ฝ่ายค้าน” ที่ยังไม่แน่ว่าจะทำได้อย่างที่“จั่วหัว”เหมือน“ศึกครั้งก่อน”ที่ถูกครหา“ล้มมวย”หรือไม่ กับการตั้ง“ข้อหา”ครั้งนี้กับ“ลุง”แบบ“แรงเกินห้ามใจ”ที่ว่า จนต้องมีการสะกิด“วิรัตน์”ยื่น“นายหัวชวน”ให้ฝ่ายค้านแก้คำในญัตติ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องสถาบัน
โดยเมื่อไล่เรียง 6 ข้อ นอกจากคำที่แรงแล้วยังมีประเด็นที่เอาเข้าจริงก็มีหลายเรื่องที่“ประจักษ์”จากปรากฏการณ์ที่“ลุง”ต้องมาตามเก็บตอนหลังจากความพลาดของรูรั่วช่องโหว่ในกลไกระบบ ที่แน่นอนทุกเรื่องถูกยิงตรงไปที่“ลุง”ที่ต้องรับหน้าเสื่อ จึงกลายเป็นข้อสรุปในประเด็นหัวข้อ การบริหารราชการแผ่นดินล้มเหลวที่ฝ่ายค้าน“ตอกตะปูซ้ำด้วยคำแรง” เช่น ไร้ประสิทธิภาพ ไร้คุณธรรม ไร้จริยธรรม ไร้ภาวะผู้นำ และไร้ความรับผิดชอบทางการเมือง ก่อนขยายด้วยข้อ 2บริหารงานผิดพลาด โดยยกเรื่อง การปล่อยให้มีการแพร่ระบาดของโควิด ทำให้ประชาชนต้องเผชิญชีวิตยากลำบาก ไม่รักษาวินัยการเงินการคลัง จนทำให้เศรษฐกิจไทยดิ่งเหว ก่อนจะตามมาด้วยข้อ 3 ปล่อยปละละเลยให้มีความทุจริตคอร์รัปชันเพื่อสร้างความร่ำรวยมั่งคั่งให้พวกพ้อง ที่ฝ่ายค้านขยายว่า“ยุคลุง”มีการปล่อยให้การทุจริตแพร่กระจาย ไม่ต่างจากโรคระบาด เป็นผู้นำรัฐบาลที่การทุจริตเฟื่องฟูเบ่งบานมากที่สุด
และตามมาด้วยข้อ 4 ปกปิดการกระทำความผิดของตนเองและพวกพ้อง ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์ ที่ข้อนี้ฝ่ายค้านยกเรื่อง การปล่อยปละละเลยให้มีบ่อนการพนันกระจายไปทั่ว ถัดมาข้อ 5 ละเมิดหลักนิติรัฐนิติธรรม และสิทธิมนุษยชน ทำลายระบบคุณธรรมในระบบราชการ โดยมีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ไม่ยึดมั่นในหลักประชาธิปไตย ปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน ฯลฯ และปิดด้วยข้อ 6 ที่เป็นประเด็นที่“วิรัตน์”ขอให้แก้ถ้อยคำ คือ การกล่าวหา“ลุง”ว่านำ “สถาบัน”มาเป็นข้ออ้างเป็นเกราะปิดบังความผิดพลาดล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินของตัวเอง
ที่เมื่อกลับมาย้อนดูเคส “ดีเจมะตูม”ติดโควิด ซึ่งกำลังเป็นประเด็นใหญ่ต้องลุ้นกันอยู่ กับการเกิด “ซุปเปอร์สเปรดเดอร์”ขึ้นมาอีกอย่างน้อย 2 วง คือที่ โรงแรมบันยันทรี และ เรเนสซองส์ ที่ประมาณการว่าหากเปิดขึ้นมาจริง ๆ จำนวน“ผู้คน”ใน 2 วงปาร์ตี้ น่าจะมีมากกว่าที่เป็นข่าวหรืออาจถึงหลักร้อย ไม่นับรวมการกระจายต่อ ในจังหวะที่หลายธุรกิจกิจการ รวมถึงโรงเรียน จะกลับมาเปิดอีกไม่กี่วันข้างหน้าแล้ว ที่เรื่องนี้กลายเป็นไม่ใช่ปัญหาจากการ“การ์ดตก”ไม่รับผิดชอบของใครต่อใครอย่างเดียว หากแต่ยังมีประเด็นไปถึงการบริการจัดการของ“กลไกรัฐ”เริ่มถูกพูดถึงโดยเฉพาะการจัดการปัญหา และการบังคับใช้กฎหมาย ดังที่“หมอหนู”บอกว่ามีโทษทั้งจำทั้งปรับตามพรบ.ควบคุมโรคติดต่อ
ที่ประเด็นนี้ถูกระบุว่ามีการประวิง“การปกปิด”มาตั้งแต่กลางเดือนมกราคมด้วยเพราะมีศิลปินเซเลปคนดังลูกหลานนายพล และบุคคลหลายแวดวงในสังคม กระทั่งเมื่อ“ฝีแตก”คนใน 2 วงที่เป็น“ครัสเตอร์”เริ่มแสดงอาการติดเชื้อ และตรวจพบว่าติด“โควิด”ที่บางรายก็ยังไม่บอกไทม์ไลน์ จน“หมอ”ต้องเค้นถาม ที่หลายคนก่อนหน้านั้นก็เดินทางไปทั่วในที่สาธารณะมากมาย รวมถึงฟิตเนสดัง จนส่งผลเดือดร้อนอีกหลายคนต้องกักตัว หรือบางธุรกิจบริการต้องปิดบริการเพื่อล้างเชื้อ
ทั้งหมดทั้งมวลต้องติดตามต่อว่าด้วยปัญหา“หน้างาน”โควิดโดยเฉพาะประเด็นล่าสุดจาก“ดีเจมะตูม”ที่หลายฝ่ายรวมถึงสังคมกำลังจับตารอดู พิสูจน์ทราบว่า“ลุงตู่”และ“หมอหนู”จะจัดการ“ปิดเคส”นี้แบบ“ไม่เว้นหน้าอินทร์หน้าพรหม”ไม่สนเส้นกวยจั๊บอย่างที่เคยถูกครหาครั้ง“คดีบอส”ได้จริงหรือไม่ แบบไหนยังไงเพื่อให้“ได้ใจ”จาก“ประชาชน”ที่กำลังลำบากและท้องหิวจาก“โควิดภาค2” ว่า“ลุง”สามารถบริหารจัดการแก้ปัญหา“โควิดติดมะตูม” ไม่ให้“ลุกลาม”ได้ ไม่ได้“ล้มเหลว”บริหารไม่เป็น แบบที่“ฝ่ายค้าน”กล่าวหา
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news