Home
|
ข่าว

ชัชชาติปฏิวัติ 3 ป.

ชัชชาติปฏิวัติ 3 ป.

 

@ชัยชนะแบบทำลายสถิติคะแนนทะลุ 1,386,769 คะแนน ของผู้ชายหมายเลข 8 สูง 180 หนัก 88 ที่ค่ำคืนเดียวกันเมื่อ 8 ปีก่อน ถูกทหารมาคุมตัวเอาถุงดำครอบหัว ในคืนวันรัฐประหาร 22 พ.ค.57 อย่าง “ชัชชาติ สิทธิพันธ์” ว่าที่ผู้ว่ากทม.คนใหม่ ที่มาพร้อมกับชัยชนะของ พรรคเพื่อไทย และ ก้าวไกล ที่กวาดที่นั่งสมาชิกสภากรุงเทพฯมาได้ สูงถึง 34 ที่นั่งจาก 50 ที่นั่ง จนถูกมองว่าเป็นการชิมลาง “แลนด์สไลด์” กลายเป็น อาฟเตอร์ช็อคการเมืองลูกใหม่ที่ต้องไปขบคิด สำหรับ “ศูนย์อำนาจ 3 ป.” ที่กำลังคิดไปต่อทางการเมือง แม้จะไม่ผิดคาดกรณี “ชัชชาติ” ที่ลงพื้นล่วงหน้ามา 2 ปีมีหมุดหมายชัดตั้งแต่นโยบาย 200 กว่าข้อและการประกาศว่าแพ้ก็เลิกการเมือง จนโพลให้นำตั้งแต่ต้นจนจบ

 

@ที่ไม่ไม่ดุ้งสะเทือนกับแผน “เลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์” กับมุขเก่าที่เคยใช้ “ไม่เลือกเราเขามาแน่” ที่โหมโจมตี “ผู้แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี” ในช่วงไม่กี่วันก่อนถึงวันลงคะแนน เพื่อขย่มคะแนนให้กับ “ฝ่ายเรา” ที่มีออฟชั่นต่อคือ “บล็อกโหวต” เทคะแนนให้คนที่มีโอกาสที่สุด ที่บังเอิญทุกคนก็มั่นใจไม่มีใครยอมเทให้ใคร ไม่นับรวม “ฝนเจ้ากรรม” ที่มาซ้ำเติมให้คนกรุงอารมณ์ขึ้นกับอดีตผู้ว่ากทม.หนึ่งในผู้สมัคร “ฝ่ายเรา” กลายเป็นทำให้แต้มจาก “ฝ่ายเรา”ราว15% ไหลไปเติมให้ “ฝ่ายเขา” “ชัชชาติ” ทะลุล้านอย่างที่ “ซุปเปอร์โพล” ประเมิน

 

@แต่ที่เจ็บกว่าจนถึงขนาด “ป.ป้อม” ต้องรีบชิ่งหนีคำถามนักข่าว คือ การประเมินจาก “คนกันเอง” ใน “ฝ่ายอนุรักษ์” อย่าง “หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม” หัวหน้าพรรคไทยภักดี ที่มองว่าการแพ้ครั้งนี้เพราะ “3ป.” โดยจั่วหัวว่าผลการเลือกตั้งผู้ว่ากทม.และสก.ครั้งนี้เป็นการ “ลงโทษ 3 ป.” ของคนกรุงเทพฯ โดยระบุว่า ผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.รอบนี้ ชัชชาติชนะแบบแลนด์สไลด์จริงๆ ซึ่งไม่ควรตำหนิที่ผู้สมัคร แต่เราควรตำหนิ “3 ป.” ที่ประชาชนให้โอกาส ทำหน้าที่ แม้มาจากการรัฐประหาร แทนที่จะทำหน้าที่ที่ประชาชนมอบให้ กลับเกรงใจกันเองไม่เกรงใจประชาชน ปล่อยให้มีการทุจริตคอร์รัปชันปล่อยให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่กล้าตัดสินใจ ไม่ยอมปฏิรูปประเทศ เหิมเกริมในอำนาจ พวกเราเตือนแล้ว ยื่นหนังสือแล้ว กลับไม่สนใจ โชคดีที่….นี่คือการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ท่านยังมีเวลาปรับปรุงตนเอง ก่อนที่จะสายเกินไป ต้องขอขอบคุณพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ที่ช่วยกันสั่งสอน “3 ป.” ก่อนที่บ้านเมืองจะเละมากไปกว่านี้

 

@ในขณะที่นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ “อ.สุรชาติ บำรุงสุข” มองว่า ปรากฎการณ์ 22 พ.ค.65 ไม่ใช่เป็นเพียงเป็นวาระสำคัญทางการเมืองของการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานครเท่านั้น หากเป็นวาระครบรอบ 8 ปีของการรัฐประหารที่เกิดขึ้นในวันดังกล่าวในปี 2557 แม้ 8 ปีของการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหารชุดนี้อาจจะยังไม่จบลง แต่ผลคะแนนจากการเลือกตั้งในกรุงเทพมหานครที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ต้องถือว่าเป็นสัญญาณโดยตรงจาก “การสื่อสารทางการเมืองของประชาชน” ที่กำลังบ่งบอกถึงความต้องการที่จะพาการเมืองออกจากระบอบเดิมของผู้นำทหาร การเลือกตั้งครั้งนี้คนกรุงเทพส่งสัญญาณถึงความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงการเมือง และมีนัยถึงการไม่ตอบรับกับการบริหารประเทศของรัฐบาลสืบทอดอำนาจชุดปัจจุบัน แม้ผู้นำรัฐประหารและกลุ่มขวาจัดที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจอาจจะโต้แย้งได้ว่า ผลการเลือกตั้งเป็นเพียงเรื่องของการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่น แต่ทุกคนรู้ดีว่า ผลการเลือกตั้งกรุงเทพคือ คำตัดสินอนาคตของรัฐบาล และคำกล่าวที่ยังเป็นจริงเสมอคือ “การเมืองกรุงเทพคือการเมืองของประเทศไทย” โดย “อ.สุรชาติ”ยังมองว่า การแพ้ที่กรุงเทพ จึงมีนัยในตัวเองถึง การแพ้ของรัฐบาล และมองว่าปรากฎการณ์ชัยชนะของ “อดีตนักโทษรัฐประหาร” คสช.อย่าง “ชัชชาติ” เป็นความมหัศจรรย์ทางการเมืองที่อาจกลายเป็น “ความตระหนกตกใจ” และ “ช็อกทางการเมือง” สำหรับชนชั้นนำ ผู้นำทหารขวาจัด ที่ยังเชื่อว่า ระบอบอนุรักษนิยม ที่ถูกผลักดันผ่านการจัดตั้งรัฐบาลสืบทอดอำนาจของผู้นำทหาร จะชนะในทุกเรื่อง รวมถึงจะชนะในการเลือกตั้งที่กรุงเทพด้วย

 

@ที่ก็สอดรับกับการวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตจากนักข่าวสายทหารอย่าง “วาสนา นาน่วม” ว่า การแพ้อย่างหลุดลุ่ยในศึกกรุงเทพฯ กำลังถูกมองว่า สะท้อน ความนิยมของ พลเอกประยุทธ์ ที่ เป็นนายกฯ มา 5ปี ในยุค คสช. +3 ปีหลังการเลือกตั้ง ลดลงหรือไม่ รวมทั้ง ความนิยมใน พรรคพลังประชารัฐ ที่สนับสนุน บิ๊กตู่ ด้วยและ อาจเรียกได้ว่า เป็นการปฏิวัติ ล้ม พล.อ.ประยุทธ์ ในวันครบรอบ 8 ปี รัฐประหาร 22 พค.2557 เลยก็ว่าได้ หรือว่า 8 ปี คสช. สิ้น มนต์ขลัง! คนกรุงเทพฯ เทคะแนนให้ฝ่ายประชาธิปไตย มากกว่า ฝ่ายหนุน พลเอกประยุทธ์ แม้จะออกมาใช้เสียง เกือบ 60% ก็ตาม โดย จับสัญญาน ที่ “ชัชชาติ” ขึ้นเวที ขอบคุณทุกคะแนนเสียงช่วงค่ำวาน (22พ.ค.) ที่ ว่า “เวลานี้ ของเมื่อ 8 ปีที่แล้ว เขากำลังถูกทหารคุมตัว ไปที่ไหนไม่รู้ เพราะถูกคลุมศีรษะ มัดมือ ทั้งขาไป ขากลับ จนวันนี้ ก็ไม่รู้ว่า ถูกพาไปอยู่ที่ไหนมา แต่ไม่ได้โกรธแค้น แต่ให้อภัย และอยากให้ คิดต่าง เห็นต่างได้ แต่อย่าขัดแย้ง แตกแยก ยิ่งเมื่อเขาทราบว่าคะแนนทะลุ 1 ล้านแล้ว “ชัชชาติ” จึงระบุว่า ผู้ว่ากทม.ฯ ได้คะแนนเสียงได้มากกว่านายกฯ แต่ออกตัว ไม่ได้ท้าทาย ต้องเอาประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง เมื่อประชาชนเลือกมา ก็ต้องประสานงานกับรัฐบาล-มหาดไทยได้ นี่ ไม่ใช่ชัยชนะ แต่เป็นคำสั่งของประชาชน.

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube