ชัดเจนแล้ววันนี้ กับท่าทีของ ”ลุงทำเนียบฯ” เมื่อถูกถามถึง ”จุดยืน” ประเทศไทย ว่าจะเป็นไปตาม ”จุดยืน” ของ ”อาเซียน” คือยืนดูเฉยๆไม่ไปยุ่งหรือแทรกแซงกิจการภายในของประเทศสมาชิกโดยเฉพาะ ”เมียนมา” ที่อยู่บ้านข้างๆ กับสถานการณ์การเมืองเรื่อง ”ยึดอำนาจ” ในพม่า ระหว่างฝั่ง ”ทหารเก่า” ”มิน อ่อง หล่าย” ผบ.สส.กับ ฝั่งของ ”อองซาน ซูจี” ที่นาทีนี้ ประเด็นการเมืองความเปลี่ยนแปลงแบบพลิกกระดานของพม่า ไม่เหมือนในอดีตที่คิดจะยึด ก็ยึด หากแต่ฝั่งกองทัพที่นำโดย ”นายพลอาวุโส มิน อ่อง หล่าย” วัย 64 ปี ที่กำลังจะเกษียณ เดือนกรกฎาคมปีนี้ เรียนรู้ที่บอกว่าการ ”ยึดอำนาจ” เป็นการใช้อำนาจในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อจัดการทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางใน 1 ปี ไม่ได้เป็นการทำ ”รัฐประหาร” หากแต่ ”รัฐธรรมนูญ” ที่ฝ่ายกองทัพมีบทบาทร่างขึ้น มีการระบุไว้
ที่ท่าที ”ลุงทำเนียบฯ” ของไทย ก็เป็นเช่นกลุ่มประเทศอาเซียน ที่ออกมาเมื่อวาน ที่ส่วนใหญ่ ”ไม่ยุ่งกิจการภายใน” แค่แสดงความเป็นห่วงและกังวลสถานการณ์รุนแรงจะกระทบ ”ประชาชน” ของพวกเขา หรือผลประโยชน์ ที่มีการเข้าไปลุงทุนในพม่าของปลายประเทศอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดฯ ฟิลิปินส์ แม้กระทั่ง แถลงการณ์ของ “บรูไน ดารุซซาลาม” ในฐานะ “ประธานสมาคมอาเซียน” ในปีนี้ (2564) ก็ยังออกมาแนว ”ไม่ยุ่ง” เว้นแต่จะมีเรื่องเกี่ยวกับตน โดยบอกว่าในสถานการณ์เช่นนี้ อาเซียนขอยึดมั่นในวัตถุประสงค์ และหลักการแห่งกฎบัตรอาเซียน นั่นคือการยึดมั่นในหลักการแห่งประชาธิปไตย หลักนิติธรรม และธรรมาภิบาล การเคารพและพิทักษ์ไว้ซึ่งสิทธิมนุษยชน และเสรีภาพขั้นพื้นฐานโดยเรียกร้องให้เมียนมามุ่งใช้วิถีทางแห่งการเจรจา และการปรองดอง เพื่อนำประเทศชาติกลับคืนสู่ภาวะปกติ และเป็นไปตามความมุ่งหมาย และเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนชาวเมียนมา
กระนั้นก็น่าสนใจในท่าทีของฝ่ายต่างๆ โดยเฉพาะ ”กลุ่มทุน” ของแต่ละประเทศทั้งในกลุ่มประเทศอาเซียน และมหาอำนาจชาติตะวันตกอย่างสหรัฐ หรือมหาอำนาจฝั่งตะวันออกอย่างจีน ที่เข้าไปมีผลประโยชน์ในเมียนมาทั้งการลงทุนขนาดใหญ่ในสาธารณูปโภคและการเป็นคู่ค้า โดยเฉพาะ ”จีน” ที่มีบทบาทใกล้ชิดกับ ”กองทัพเมียนมา” ตั้งแต่ยุคก่อนรัฐบาล ”อองซานซูจี” ที่ยังคงให้การสนับสนุน ในขณะที่ ”สหรัฐ” ที่ออกมาเป็นประเทศแรกๆในการประนาม ”การยึดอำนาจ”ครั้งนี้ ถูกมองว่าให้การสนับสนุนรัฐบาล ”อองซานซูจี” ที่ต้องยอมรับว่าผลการเลือกตั้งล่าสุดที่พรรคของฝั่ง ”อองซานซูจี” ชนะแบบถล่มทลาย บวกกับกระแสนิยมและ ”การรุกคืบ” ที่ส่งผลต่อ ”ดุลอำนาจ” ฝั่งกองทัพ ที่กำลังถูกเปลี่ยนแปลงกับกับแผงอำนาจทหารชุดใหม่ ในจังหวะที่ ”นายพลอาวุโสมินอ่องหล่าย ”ตัวแทน” ต่อเชื่อมอำนาจ ”กำลังจะเกษียณอีก 5 เดือนข้างหน้า ที่ถูกวิเคราะห์ว่าทำให้ ”ฝ่ายอนุรักษ์” ฝั่งกองทัพเก่าตัดสินใจ แม้ว่าจะต้องแลกด้วยการเจอ ”มาตรการคว่ำบาตร” การช่วยเหลือหรือด้านการค้าจากสหรัฐฯที่ส่งสัญญานแล้วจาก ”ไบเดน” เมื่อวาน เพราะยังไงก็ยังมี ”จีน” ที่พร้อมช่วย ขณะที่กลุ่มประเทศอาเซียนก็ไม่มีใคร ”ไม่ยุ่ง” ตามข้อตกลง ทำให้ที่เหลือคือจะทำอย่างไรให้ ”การยึดอำนาจ” หนนี้ไม่เป็นการ ”รัฐประหาร ”แต่จะใช้วิธีการ” ละมุนละม่อม” แค่ ”ล็อคตัว” ผู้นำรัฐบาลและรัฐมนตรี ไม่ให้เกิดอาการเลือกตกยางออก ไปกระทบ ”ผลประโยชน์” กลุ่มทุนในประเทศ และมิตรประเทศให้ได้มากที่สุด
น่าสนใจ ที่เหลือในความสอดคล้องของ ”ทิศทาง” ถัดไปของการเมืองพม่าภายใต้ ”ท็อปบู้ท” ยุค 5G ที่ประเทศอาเซียนมีกติกาไม่ยุ่งกิจการภายในกันจากนี้ คือมีการมองว่า ”นายพลอาวุโส มิน อ่อง หล่าย” ผู้นำการยึดอำนาจหนนี้ ผู้ซึ่งชอบมาเที่ยวเดินห้างและแวะคุยกับ ”ขุนทหาร” ในไทยบ่อยๆ น่าจะศึกษากลเกม ”การยึดอำนาจ” โดยการ ”รัฐประหาร” ในประเทศไทยเมื่อ 7 ปี ที่แล้วใน ปี2557 ของ ”กลุ่มพี่น้อง3ป.” ”ป้อม-ป๊อก-ประยุทธ” ที่เคยขอเวลาอีกไม่นานคือ 1 ปีเพื่อ ”ปฏิรูปประเทศ” แก้ทุจริตคอรัปชั่น แต่ก็อยู่มาได้นานถึง พ.ศ. ปัจจุบัน มาไม่น้อย ไม่นับรวมกับที่เขาได้ศึกษาจาก ”หลักวิธีคิด” และ ”เส้นทางสายเหล็ก” ที่มีทั้ง ”บู๊และบุ๋น” ของ ”อดีตขุนศึก” ผู้เป็นนายกฯ หลายสมัยเช่นกันอย่าง ”พล.อ.เปรม” ที่เขาถือเป็น ”พ่อบุญธรรม” ซึ่งเคยถ่ายทอดคำชี้แนะไว้ 2 ข้อ คือประชาธิปไตย แบบที่เหมาะสมกับประเทศนั้นๆ และการทำหน้าที่ของ ”ขุนทหาร” ในการปกป้องประเทศตอบแทนคุณแผ่นดิน
ทั้งหลายทั้งปวงหาก ”มินอ่องหล่าย” ทำสำเร็จหนนี้ ได้เข้าไปเป็น ”รัฐบาล” ปฏิรูปเมียนมา แบบยาวไปเหมือน ”3ลุง” ที่อยู่บ้านข้างๆ โดยไม่มีใครเอ๊าะแอ๊ะวอแว ก็ไม่แน่ว่าแนวนี้จะเป็น ”โมเดล” ให้อีกหลายประเทศที่มีช่องโหว่ช่องว่าง ทางการเมือง และผลประโยชน์ของฝ่ายที่สูญเสียอำนาจ ลักษณะเดียวกัน อาจสนใจเอามาใช้บ้างก็ได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news