จังหวะเข้าโค้งหักศอกเหลืออีกเพียงแค่ 4 วัน ที่ว่ากันว่าเป็นจังหวะที่จะมีการใช้ทุกกลยุทธ์ออกมา เพื่อ “เติมแต้ม”ของแต่ละพรรค แบบ “ตัดแต้ม” พรรคคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายขั้วเดียวกันเอง หรือ ต่างขั้ว
@ จังหวะเข้าโค้งหักศอกเหลืออีกเพียงแค่ 4 วัน ที่ว่ากันว่าเป็นจังหวะที่จะมีการใช้ทุกกลยุทธ์ออกมา เพื่อ “เติมแต้ม”ของแต่ละพรรค แบบ “ตัดแต้ม” พรรคคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายขั้วเดียวกันเอง หรือ ต่างขั้ว แม้จะมีการวิเคราะห์ก่อนหน้านี้ว่า กระแสทิศทางจากผลโพลเปิด โพลปิด “พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย” ที่นำโดย เพื่อไทย (พท.) และ ก้าวไกล (กก.) จะถูกมองว่ามีคะแนนนำ “พรรคฝ่ายอนุรักษนิยม” ที่นำโดย พรรคพี่-พรรคน้อง “รวมไทยสร้างชาติ” (รทสช.) และพลังประชารัฐ (พปชร.) อย่างที่เริ่มเห็นสัญญาณจากแต่ละขั้ว ไม่ว่าการออกมา “บิวท์อารมณ์” เปลี่ยนไม่เปลี่ยน ผ่านคลิปของ “พรรคลุงตู่” และของ “ก้าวไกล” และ “เพื่อไทย” ที่ต่างกันซึ่งเป้าหมาย
@ โดยพรรค “ลุงตู่” เหมือนชิงนำในบท “ลุงสงบ” ของ พท.เหมือนต้องการย้ำความชัดเจน ที่ถูกทำให้ไม่ชัดเจนเมื่อเทียบกับ “ก้าวไกล” กับจุดยืนการเมือง ไม่ร่วมรัฐบาลกับ “2 ลุง” ขณะที่ “กก.” มุ่ง ขยายฐานเขตเมือง ด้วยการปั่นกระแส ด้อมส้ม “ส้มรักพ่อ” ชูกระแสจน “พิธาฟีเว่อร์” ไปทุกหัวเมือง ในทุกภาค ทุกจังหวัด โดยวันนี้ “พิธา”มาไล่เก็บรถแห่ 5 เขตกรุงเทพฯ ก่อนไปปิดจ๊อบสุดท้าย ที่เวทีปราศรัยใหญ่วันศุกร์ (12พ.ค.) เหมือนเช่น 6 พรรคใหญ่ที่มีการวิเคราะห์พื้นที่ส.ส.แบ่งเขต กทม. ที่ใช้กระแสนำก้าวไกล ยังเบียดขบสูสีกับเพื่อไทย โดยทั้ง 2พรรค มีโอกาสในพื้นที่กทม.
@ แต่ที่น่าสนใจคือ “สัญญาณ” ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นหลัง “สัญญาณ” จาก “ทักษิณ” ที่ประกาศไทม์มิ่งการกลับบ้านก่อนวันเกิดวันที่ 26 ก.ค.ปีนี้ ที่แม้จะบอกว่าไม่เกี่ยวกับ “เพื่อไทย” แต่ก็มีการวิเคราะห์ไปยังภาพต่อ”ความชัดเจน” ที่ 2 ครั้งล่าสุด การออกมาของ “อุ๊งอิ๊ง” และ “เศรษฐา” ยังไม่ปังกระแสเท่ากับ กก.หรือ อีกขั้ว”รทสช.” ซึ่งยังไม่นับรวมกับ “การแก้ทางมวย” กับพื้นที่สำคัญที่ถูก กก.เจาะ ด้วยการส่ง “ทัพหลวง”ไปช่วยที่เชียงใหม่ของ พท. ที่การมาของ “ทักษิณ” ถูกมองเป็นการส่งสัญญาณถึง “ทีมงาน” ในการเดินหน้าสู้ศึกและกระเพื่อมกระแส พท. และถูกมองต่อมาถึงปรากฏการณ์ “เรืองไกร” จาก พลังประชารัฐ (พปชร.) ของ “ลุงป้อม”ที่เคยมีข่าวดีลลับข้ามขั้ว ไปยื่นร้องกกต.ปม “หุ้นITV” ของ “พิธา” แคนดิเดตนายกฯ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่กระแสฟีเว่อร์กำลังพุ่งแรง
@ ที่ต่อมาเกิดปรากฏการณ์ช่วยขย่มซ้ำ จาก “นายแบก-นางแบก” ขั้วเดียวกัน และรวมถึงกองหนุน FC และสื่อขั้วตรงข้าม ที่รัก “พี่ตู่” ซึ่งฝ่ายด้อมส้ม เรียกแทนว่า “สลิ่ม” ที่พร้อมใจกันออกมา “ขยายผล” ทั้ง จับผิด เปิดวาร์ปข้อกฎหมาย “ผู้จัดการมรดก” หักล้างการชี้แจงของ “พ่อส้ม” และบิวท์ว่า ปลายทางจะเป็นแบบ
“พ่อฟ้า ธนาธร” ที่เคยถูกตัดสิทธิ์ จากปม “หุ้นสื่อ” ตลอดจนเริ่มมีการพูดถึง “คะแนนตกน้ำ” ที่อาจจะเกิดขึ้นที่จะทำให้ปิดสวิตช์ 3 ป. ไม่สำเร็จ หากพรรคฝ่ายประชาธิปไตยไม่ชนะเด็ดขาด ที่เหมือนมีความหมายทำนองเดียวกันกับการบิวท์ “การเลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์” ก่อนหน้า คือการให้ FC พรรคที่เปลี่ยนใจ ไปเป็นสีส้มแล้ว หรือ พวกที่ยังลังเล จะแดงหรือจะส้ม หันมากาทั้งบัตร 2 ใบ ให้พรรคนำฝ่าย ปชต. อย่าง พท.
@ เพราะมีประชาชนบางกลุ่ม ที่คิดว่าคะแนนของเขามีค่า โดยเฉพาะในการเลือกตั้ง ที่ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงในระดับประเทศ ดังนั้น ถ้าผู้สมัครส.ส.เขต พรรคที่ตัวเองชอบอันดับ 1 ดูแล้วจะไม่ชนะในเขตนี้ พวกเขาก็จะเปลี่ยนไปเลือกพรรคที่ชอบอันดับ 2 ซึ่งอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในผลการเลือกตั้ง เพราะหลายเขตจะแพ้ชนะกันอยู่แค่หลักร้อยหรือไม่เกิน 3,000 คะแนน ถ้ามีคนไม่ยอมให้คะแนนตกน้ำและเปลี่ยนมาสนับสนุนพรรคที่มีโอกาสชนะ ก็จะกลายเป็นการชนะจริงขึ้นมา แต่ต้องเลือกให้ถูกต้องเหมาะสมในเขตนั้น ในขณะที่การเลือก ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ถ้าไม่กาบัตรทิ้ง ก็ต้องเอาไปรวมกันทั้งประเทศ ถ้าถึง 370,000 คะแนน ก็จะได้ ส.ส. 1 คน คะแนนส่วนใหญ่จึงไม่ตกน้ำยกเว้นไปอยู่กับพรรคที่มีคะแนนน้อย จนได้ ส.ส.ไม่ถึง 1 คน บัตรใบนี้เจ้าของสิทธิ์สามารถจะเลือกพรรคการเมือง ที่ตัวเองนิยม ไม่ว่าจะเป็นนโยบายพรรค จุดยืนของพรรค ผู้นำพรรค หรือ ส.ส.ที่ชอบง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews