ยังไม่ทันสะเด็ดน้ำ ตั้งแต่กระบวนการของ กกต.ในการรับรอง ส.ส.ให้ได้ 95% จำนวน 475 คน จากสภา 500 ที่จะสามารถเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเลือกประธานสภา ก่อนนำไปสู่การเสนอ ชื่อนายกรัฐมนตรี
ยังไม่ทันสะเด็ดน้ำ ตั้งแต่กระบวนการของ กกต.ในการรับรอง ส.ส.ให้ได้ 95% จำนวน 475 คน จากสภา 500 ที่จะสามารถเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเลือกประธานสภา ก่อนนำไปสู่การเสนอ ชื่อนายกรัฐมนตรี เพื่อเข้าสู่กระบวนการประชุมร่วมรัฐสภา ของ 2 สภาที่ผนวกรวมวุฒิสมาชิก (สว.) 250 รวม 750 เพื่อโหวตนายกฯคนที่ 30 ด้วยจำนวนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่ง 376 คน ที่ยามนี้ 8 พรรคร่วม รัฐบาลที่มี ส.ส. 313 เสียง มีภารกิจ “หาเสียง” ทั้งฝ่ายส.ว.และส.ส.แต่ละพรรคมาสนับสนุน ที่กระบวนการ กกต.อาจใช้เวลาเต็มแม็กภายใน 60 วัน อย่างที่ “อ.วิษณุ” บอกไว้วันก่อนว่ากระบวนการกว่าจะมีรัฐบาล
ใหม่อาจใช้เวลา 3 เดือน
ที่แม้จะมีการมองว่า พ่อส้ม “พิธา” และ พรรคก้าวไกล ที่ชนะเลือกตั้งมาด้วยว่าที่ส.ส.152 โดยมีพรรคเพื่อไทย (พท.) รองลงมาที่ 141 จะเหมือนชิงจังหวะเร็วแบบคล้าย รวบรัดมัดมือชก พรรคการเมืองซีกฝ่ายค้านเดิม ด้วยการประกาศว่ามีการพูดคุยกันแล้วกับทั้ง “อุ๊งอิ๊ง” และหัวหน้าพรรคฝ่ายประชาธิปไตยว่าจะจับมือตั้งรัฐบาลภายใต้การนำของก้าวไกล และจะมี MOU ร่วมกัน แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดกระบวนการถัดมา ทั้งการพบปะกินอาหารเจรจา จนมาสู่การที่ ประกาศตั้ง “รัฐบาลประชาชน” ด้วยเสียง 313จาก 8 พรรคการเมือง ในขณะที่ระหว่างรายทาง ถูกมองว่า “พรรคฝ่ายรัฐบาลเดิม” ที่มีฐาน “กลุ่มอนุรักษนิยม ยังช็อกกับปรากฏการณ์ก้าวไกล
แต่ก็มีการกระเพื่อมผ่าน บรรดา “เพลย์เมคเกอร์ส.ว.” ที่ออกมาโหมกระแส “250ส.ว.” ดับฝัน “พิธา” ก้าวไกล แต่ก็มิอาจชะลอการเดินหน้าการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ของ “ฝ่ายค้านเดิม” ที่มีการย้ำถึงการเคารพต่อฉันทามติ ประชาชนที่เลือกตั้งมาเทียบกับส.ว. 250 ที่มาจากการแต่งตั้งของ “รัฐบาลคสช.” ของ 3 ป.ที่ศึกเลือกตั้งที่ผ่านมา 2 ป.พี่น้อง 2 ลุง “ลุงป้อม-ลุงตู่” พยายามเป็น “นักการเมือง” ลงพื้นที่หาเสียงกับพลพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และ “พลังประชารัฐ” (พปชร.) แต่ก็แบ่งคะแนนได้มาไม่ถึงขนาดจะมีบทบาทนำในฝ่ายตัวเองหากไม่มี “พรรค สว.250” เป็นแต้มต่อ
ที่ด้วยความเป็น “แต้มต่อ” ทำให้เกิดเป็นท่าทีออกมาจาก ส.ว.บางส่วน ที่สำแดงความเป็น “ตัวแปร” การโหวตนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ 60 ที่ถูกออกแบบมาให้ใช้ในการตั้ง “นายกฯ” ได้ 2รอบ คือมีอายุ 5 ปี ในขณะยังเป็น “ตัวแปร” สำคัญที่ทำให้ “ฝ่ายการเมือง” ที่มุ่งหวังเรื่องโควตาเก้าอี้รัฐมนตรี การเป็นรัฐบาลให้แกว่งไกว ดังข่าวปล่อยมี “นายพล ด.” ไปติดต่อเจรจา คนที่ต่างประเทศ ก่อนหน้านี้ ที่ถูกเชื่อมมาสู่ปม “อุบัติเหตุการเมือง” ที่อาจเกิดขึ้นกับ “พิธา” ปม “หุ้น ITV” ที่ถูกมองถึงผู้อยู่ เบื้องหลังการส่งข้อมูลให้ “นักร้อง” เรืองไกร,สนธิญา ไปยื่น กกต.ที่วันนี้ “สนธิญา” ยังออกมากระซุ่นกกต.แถมขู่ไปยังส.ว.
ที่คิดจะช่วยโหวตนายกฯให้ “พิธา” จะถูกลูกหลงโดนร้องด้วย โดยทั้งหมดเชื่อมไปยังประเด็นที่ก่อนหน้านี้ ทุกฝ่าย
ตั้งแง่เป็นเงื่อนไข กับ “พรรคส้ม” ปมนโยบายแก้ ม.112 เฉกเช่นข้ออ้างของ “ภูมิใจไทย” ที่ออกแถลงการณ์วันก่อน
ที่ก็เช่นกันกับประเด็น “โผครม.ส้ม” ที่หลุดออกมา ว่า รัฐบาลก้าวไกล แบ่งเก้าอี้ลงตัว เพื่อไทย เน้นเศรษฐกิจ ก้าวไกลเน้นความมั่นคง ภายใต้คอนเซ็ปต์สอดรับ 2พรรคใหญ่คือ “ปิดสวิตช์ 3 ป.” ที่มีรายงานทำนองอ้างการเจรจากรอบเบื้องต้นว่า พรรคก้าวไกล กับ พรรคเพื่อไทย จะจัดสรรตำแหน่ง ครม.ในกระทรวงสำคัญๆ กันคนละครึ่ง ซึ่งพรรคก้าวไกลมีเสียง มากกว่าพรรคเพื่อไทย 11 เสียง ทำให้ได้เก้าอี้มากกว่า 1 ตำแหน่ง ส่วนพรรคประชาชาติ กับ พรรคไทยสร้างไทย อย่างต่ำ 1-2 ตำแหน่ง ขณะที่ เสรีรวมไทย พลังสังคมใหม่ และ เพื่อไทยรวมพลัง รวมกันคาดว่าจะได้ รมช. 1 ตำแหน่ง ซึ่งคาดว่า เพื่อไทย จะได้เก้าอี้รัฐมนตรีประมาณ 14-15 เก้าอี้ โดยเน้นที่ กระทรวงเศรษฐกิจ คมนาคม พลังงาน เกษตร ต่างประเทศ ส่วนแรงงาน สาธารณสุข เป็นโควตาของ พรรคการเมืองอื่น
ที่ทำให้คนใน เพื่อไทย และ ก้าวไกล ต้องรีบออกมาปฏิเสธ โดยย้ำถึงกระบวนการ กกต.และกระบวนการ MOUที่จะประกาศตั้งรัฐบาลประชาชน 22 พ.ค.ให้ได้ก่อน โดยเฉพาะการต้องฝ่าด่านทั้งการ “หาเสียง” สนับสนุนในการ โหวตนายกฯในรัฐสภา ที่เริ่มปรากฏร่องรอยการต่อรองจากหลายพรรคขั้วตรงข้าม ที่ร่องรอยข่าวดังกล่าว เกิดขึ้นพร้อมการกระเพื่อมของกองกำลังสนับสนุนขั้วฝ่ายอนุรักษ์เดิมในการกดดันฟังก์ชันต่างๆ ที่ถูกสร้าง โดยรัฐบาลเดิมให้ขยับสร้างเงื่อนไขต่อสถานการณ์ในช่วง 2 เดือนนี้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews