เอฟเฟกต์แห่ง “รัฐบาลทรานซิชั่น” ที่ดำเนินไปในรูปแบบคล้าย “รัฐบาลเงา” ของ 8 พรรคร่วม ที่นำโดย “พิธา”ไม่เพียงแค่ หวานบาดตาบาดใจ “ลุงข้างบ้าน” ที่เป็นรัฐบาลรักษาการ
เอฟเฟกต์แห่ง “รัฐบาลทรานซิชั่น” ที่ดำเนินไปในรูปแบบคล้าย “รัฐบาลเงา” ของ 8 พรรคร่วม ที่นำโดย “พิธา”ไม่เพียงแค่ หวานบาดตาบาดใจ “ลุงข้างบ้าน” ที่เป็นรัฐบาลรักษาการ ผ่านอาการของคู่บ่าวสาวการเมือง “พิธา-ชลน่าน” หนุงหนิงนำอีก 6 พรรคร่วม ประกบมือรูปหัวใจโชว์สื่อแม้ “ชลน่าน” จะออกอาการเขินๆ กับการ ประกาศเราจะไม่แยกจากกันแม้จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ถูกตีความมีการเคลียร์คัทประเด็น “ประธานสภา”
ลงตัวระหว่าง 2 พรรค เพื่อไทย-ก้าวไกล ว่าจะไม่ถือเป็น “โควตา” แต่เป็น “ภารกิจ” พรรคฝ่ายประชาธิปไตย ที่จะจับมือกันตลอดไป หลังเอาชนะ ฝ่ายอำนาจรัฐบาลเดิมมาได้ อย่างที่เห็น ผ่านภาษากายลุงตู่ ที่ไม่เห็นด้วยที่“ทีมทรานซิชั่น” ของพิธา จะมายุ่งวุ่นวายกับการมาขอข้อมูลข้าราชการที่ยังทำงานกับรัฐบาลลุงตู่ หลังจากที่วันก่อนยังเพิ่งเคืองไม่หายกับบทบาท “นายซ้อน” ของ “พิธา” ที่นักข่าวมาถาม
น่าสนใจว่า “รัฐบาลส้ม” เหมือนพลิกเกมอยู่ในที จากสัปดาห์ที่แล้ว ที่ทั้ง พท.-กก. ตกอยู่ในเกมปั่นทำลายเครดิตจาก “ฝ่ายอนุรักษ์” ให้มีภาพ ไม่ต่างจาก นักการเมืองทั่วไป ที่ถึงเวลา ก็ตบตีแย่งชิงเก้าอี้ประธานสภาและเก้าอี้รัฐมนตรี ลามลงไปสู่ FC แดง ที่ออกมากดดันให้พท.ถอนตัว กระทั่ง “พิธา” มาคัทเอาท์ให้คุยกันเฉพาะ 2 พรรคไม่ต้องออกสื่อ และหันมาเอาโมเดล ที่ “ผู้ว่ากทม.ชัชชาติ” เคยใช้ช่วงที่เกิดสุญญากาศ ระหว่างรอกกต.รับรองคือ“ทำงาน ทำงาน ทำงาน” ผ่านการตั้ง “คณะกรรมการรทรานซิสชั่น” ที่ว่า มีการย่อย 23 ข้อ MOUลงมาเป็น7 ประเด็นปัญหาใหญ่ ซึ่งรัฐบาลลุงตู่ ยังแก้ไม่จบ เช่น พลังงาน ค่าไฟ ฝุ่นพิษ รัฐธรรมนูญ ให้ 7 พรรคแบ่งรับผิดชอบ
โดยจะมีการประชุมทุกวันอังคาร เหมือนล้อการประชุม ครม. ที่ขนานคู่ไปกับบทบาท “พิธา” ที่เคลื่อนไหวพบองค์กรธุรกิจเอกชน และภาคประชาชน ในบท “ว่าที่นายกฯ” ในขณะที่ก็มีการส่ง “อุกกาบาตวิโรจน์” ออกมาแฉ“สติกเกอร์ส่วยรถบรรทุก” จนมีการเด้ง “ผู้การทางหลวง” เช่นเดียวกับให้ “ว่าที่ส.ส.” ลงพื้นที่ทำงานแก้ปัญหา แบบไม่ต้องรอกกต.รับรอง
ที่ปฏิบัติการ “รัฐบาลทรานซิชั่น” ดังกล่าว ถูกมองว่า เป็นกระบวนท่า ยิงกระสุนนัดเดียวได้นกหลายตัวทั้ง 1.การเรียกกระแสหลังชนะเลือกตั้งจาก ทั้งFC และ ด้อมส้ม รวมถึง ประชาชน ไม่ให้ตกลงที่จะทำให้เกิดโอกาสการ “สอยส้ม” จากฝ่ายตรงข้าม หลังมีสัญญาณบิ๊วจาก “ฝ่ายอนุรักษนิยม” ในประเด็น ม.112 และ คุณสมบัติพิธา ถือหุ้นสื่อ ITV ที่มีผลต่อการจะฝ่าด่าน “ส.ว.250” ส่งผลต่อความไม่แน่นอนของ “รัฐบาลใหม่” ที่ถูกวิเคราะห์ว่ามีการลากเกมยาวให้ “ลุงตู่” รักษาการยาวผ่าน การแอดไซน์ “ไทม์ไลน์”
การรับรองผลการเลือกตั้งส.ส.95% แบบเต็มแม็กซ์ 60 วัน คือ 23 ก.ค.ถึงค่อยนับไปอีก 15 วัน ค่อยเปิดประชุมสภา แม้วันนี้ที่ผ่านมา 18 วัน กกต.จะนับคะแนนเลือกตั้ง100%แล้ว 2.เป็นการกดดันในที กับฝ่ายเกี่ยวข้องตั้งแต่ข้าราชการ กกต. ผ่านการ ทำงานที่จะถูกเปรียบเทียบกับ “รัฐบาลรักษาการ” ของลุงตู่น่าสนใจว่า เอฟเฟกต์จาก “รัฐบาลเงา” ที่ว่า ดูจะส่งผลต่อปฏิกิริยาของ “รัฐบาลลุง” ที่เพิ่งให้สัญญาณ ความมั่นใจกับ พรรครวมไทยสร้างชาติ ไปทำนองให้ใจเย็นๆ มั่นใจว่าเราจะชนะ ราวกับมั่นใจว่า ได้ไปต่อ อย่างที่เห็นผ่านการอ่านเกมของ “ส.ว.เสรี” และการออกมา “ชี้เป้า” ให้กับ “นักร้อง” และ องค์กรอิสระ ของ “อ.วิษณุ” ที่เมื่อวานเพิ่งไกด์ไลน์ว่า “ลุงตู่” อยู่ยาวจนถึง สามารถใช้งบประมาณปีต่อไปที่จะเริ่มเดือนต.ค. ได้ ที่วันนี้ “อ.วิษณุ” ก็ยังเหมือนชี้เป้าในที กับการตอบต่อกรณีข่าว อาจมีการ
เลือกตั้งใหม่ หาก “พิธา” ถูกศาลวินิจฉัยขาดคุณสมบัติถือหุ้นไอทีวี ทำให้ขัดกับคุณสมบัติการเป็น ส.ส.จะกระทบกับการเป็นนายกฯ รวมถึงการเซ็นรับรองผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคก้าวไกล ที่ผ่านมาหรือไม่ทำนองว่า หากผู้ร้อง ร้องใน 3 ประเด็น คือ 1.ถ้าร้องในประเด็นว่า ขาดจากการเป็น ส.ส. พิธา ก็สามารถเป็น
นายกฯได้ เพราะนายกฯ ไม่ต้องเป็น ส.ส.ก็ได้ หรือ 2.ถ้าร้องว่า ขาดจากความเป็นนายกฯ ก็สามารถเป็น ส.ส.ได้ 3.แต่ถ้าคนร้อง ร้องทั้ง 2 เรื่อง ศาลก็จะวินิจฉัยทั้ง 2 เรื่อง อาจจะกระทบไปอีกประเด็น
คือการเซ็นรับรองสมาชิกพรรคการที่ตนพูดแบบนี้ ไม่ใช่มาแนะนำว่าจะต้องร้องอย่างไร เพราะอยู่ที่ผู้ร้องเองว่า ร้องประเด็นไหนศาลก็วินิจฉัยประเด็นนั้น ถ้าร้อง 3 ประเด็น ศาลก็วินิจฉัยทั้ง 3 ประเด็น และว่าหากมีการร้องในประเด็นเรื่องเซ็นรับรองสมาชิกพรรค ก็อาจทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะต้องเลือกตั้งซ่อม หรือเลือกตั้งใหม่ทั้งประเทศ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
