@ถัดจาก เมื่อวานที่มีการยอมรับของ “พิธา”ว่ามีการ”โอนหุ้นITV”ไม่ได้เป็นการ “ขาย”อย่างที่ “เรืองไกร”ออกมาปูดข่าวก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นหุ้นที่อยู่ในกองมรดก
ที่ตัวเองเป็นผู้จัดการมรดกให้กับทายาทซึ่งเป็นพี่น้องโดย “พิธา”สละสิทธิ์ไม่รับ โดยอ้างเหตุความไม่ชอบมาพากลในความพยายามฟื้นคืนชีพITV ที่ทำให้เป็นเหตุต้องออกมาโอนหุ้นเพื่อประกันความเสี่ยงในอนาคต ที่เกิดข้อถกเถียงและวิเคราะห์กันในแวดวงนักกฎหมาย บ้างก็ว่า มีผลในทางบวก บ้างก็ว่าไม่มีผลกับปมคดีที่ถูกร้อง ไม่ว่าจะเป็น “อดีตกุนซือรองนายกฯ” “ไพศาล พืชมงคล”ที่มีการพูดถึง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม.1615 ที่ระบุ การที่ทายาทสละมรดกนั้น มีผลย้อนหลังไปถึงเวลาที่เจ้าของมรดกตาย ที่เท่ากับ “พิธา”ไม่ได้ถือหุ้นITVมาตั้งแต่ปี50 หลังบิดาเสียชีวิต
@ขณะเดียวกัน มีนักวิชาการบางท่านพูดถึงข้อเท็จจริงที่ปรากฏผ่านการแถลงของ “พิธา”ไม่ว่าจะเป็น1.ความชัดเจนว่าเป็นหุ้นของ “กองมรดก”ไม่ใช่ “ทรัพย์สินส่วนตัว”ผ่านเอกสารการโอนหุ้นโดยความยินยอมของทายาทคนอื่น เพราะถ้าเป็นหุ้นตัวเองสามารถโอนได้เองโดยไม่ต้องขอความยินยอมจากใคร 2.ความผิดปกติการเปลี่ยนข้อความในงบการเงินและหมายเหตุประกอบงบตั้งแต่ปี 50 ว่า ไม่ได้ทำสื่อแล้ว แต่ก็มีผู้ถือหุ้นบางรายที่เชื่อมโยงกับ “ผู้สมัครส.ส.บางพรรค”ตั้งคำถามเจาะจงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น ว่า “ITVยังทำธุรกิจสื่อหรือไม่”ที่คำตอบถูกนำมาร้องกกต.
@ที่ก็เป็นจังหวะเดียวกับเมื่อวาน ก็มีข่าวออกมาทำนอง กกต.จ่อฟันพิธาปมหุ้นไอทีวี สั่งสอบเพิ่ม โดยระบุที่ประชุม กกต.มีการพิจารณากรณี สำนักงาน กกต.รายงานผลการดำเนินการในคำร้องให้ตรวจสอบว่านายพิธามีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.ตามรธน.ม. 98 (3) และมาตรา 42 (3)พ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส.เนื่องจากถือหุ้นITV หรือไม่ โดยสำนักงาน กกต.เสนอว่า เรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ คุณสมบัติ ส.ส. เนื่องจาก นายเรืองไกรยื่นคำร้องเมื่อ 10 พ.ค. พ้นระยะเวลาการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครส.ส.ตามมาตรา 51 ประกอบมาตรา 60พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ที่กำหนดว่า ต้องยื่นภายใน 7 วัน นับแต่ กกต.ประกาศรายชื่อเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง
@จึงต้องเสนอกกต.ให้มีคำสั่งเป็นความปรากฏต่อ กกต.ว่า นายพิธา มีลักษณะต้องห้ามของการลงสมัครรับเลือกตั้งและการยินยอมให้พรรคส่งชื่อตนเองเป็นผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกลลำดับที่ 1 รวมถึงยอมให้เสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ เข้าข่าย “รู้อยู่แล้วว่าตนเองไม่มีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งแต่ยังคงลงสมัครรับเลือกตั้ง”ตามม.151 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.หรือไม่ โดยให้พนักงานสืบสวนไต่สวนของสำนักงาน กกต.เป็นผู้ดำเนินการสืบสวนไต่สวนตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวนและการวินิจฉัยชี้ขาดพ.ศ.2561 จะนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการไต่สวน อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม กกต.ยังเห็นว่าสำนักงาน กกต.ยังเสนอมีรายละเอียดไม่ครบถ้วนเช่น คำร้องมีการร้องในประเด็นใดบ้าง หลักฐานเป็นอย่างไร ข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างไรจึงให้ไปดำเนินการมาให้ครบถ้วนและเสนอที่ประชุม กกต.พิจารณาใหม่โดยเร็วอีกครั้ง
@ที่จากข่าวที่อ้างว่าหลุดมาจากกกต.เมื่อวาน ทำให้ตั้งแต่เช้าวันนี้เฟซบุ๊ก กกต.เจอทัวร์ลง อย่างหนักเรียกร้องให้กกต.รีบรับรองผลการเลือกตั้ง และตำหนิ ต่อว่าอย่างรุนแรง กรณีกกต.กำลังพิจารณาคำร้องให้ตรวจสอบหุ้นของ “พิธา”จนกกต.ต้องปิดคอมเม้นท์ และทำให้ต่อมา “นายอิทธิพร”ประธาน กกต.ต้องออกมาสยบข่าวว่าจ่อเชือดพิธา โดยยืนยันว่า อยู่ระหว่างพิจารณารับคำร้องไว้หรือไม่ยังไม่ถึงขั้นที่มีการตั้งคกก.ไต่สวนขณะเดียวกัน ก็มีการออกมา ชี้แจงข่าว กกต.เตรียมแจก “ใบแดง”ส.ส.ก้าวไกล 10 คน เพราะไม่ได้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งท้องถิ่น แล้วไม่ได้ทำหนังสือแจ้งว่าทำไมไม่ไป ว่าเป็น “ข่าวเท็จ”กกต.ไม่เคยให้ข้อมูลหรือแจ้งข่าวนี้ออกมา ขอประชาชนอย่าหลงเชื่อพร้อมขู่ ใครกดไลค์หรือแชร์มีความผิด พ.ร.บ.คอมฯ
@เรียกว่ากระแสข่าวปฏิกิริยาเร่งเช็กบิล “พิธา”ในด่าน กกต.ที่ “พิธา”บอกยังมีอีก 2 ด่าน ที่ไม่ประมาทคือศาลรัฐธรรมนูญ และ ส.ว. ที่กรณีข่าวต่างๆที่ออกมาจาก กกต.ไม่นับรวมว่าจะมีการ “สอยอีก20ว่าที่ส.ส.”และไม่นับรวมการจี้ถามเรื่องสัญลักษณ์ “ค้อนและเคียว”ของผู้สมัครก้าวไกล ที่ทั้งหมดถูกมองเชื่อมต่อหลังจากที่เมื่อวานมีท่าทีของ “ลุงตู่”ว่าไม่กลัวโดนเช็กบิล และต่อมา“พิธา”มาพูดทำนองเท่ากับ ลุงตู่ยอมรับกับการจะถูกเช็คบิล.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews