@ถือว่าได้ทำตามที่รับปากแล้วว่าจะทำทันทีในการประชุมครม.นัดแรก แม้ดูไส้ในจะเป็นเพียงระยะสั้นๆ
กับการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ แต่ก็ถือว่าได้ใจ สำหรับการประชุมและมีมติครม.อย่างเป็นทางการครั้งแรกของ “รัฐบาลเศรษฐา1”ของ “ซานต้านิด”กับการแจกใหญ่แจกจริง คล้ายสมัย “ซานต้าตู่”ไม่ว่าจะเป็นการลดราคาพลังงาน น้ำมันดีเซล-เบนซิน มีผลตั้งแต่ 20-31ธ.ค. พักหนี้เกษตรกร 3 ปี ลดค่าไฟเหลือ 4.10 บาทในรอบบิลนี้ รวมถึงการนำเรื่องแก้รัฐธรรมนูญเข้าพิจารณาและตั้ง “รองนายกอ้วน-ภูมิธรรม”เป็นประธานศึกษาไม่นับรวมอีกหลายเรื่องที่ออกมาเซอร์ไพร์สอย่างที่เศรษฐาแถลง
ว่า มีครม.มีมติเปลี่ยนแปลงการจ่ายเงินเดือนข้าราชการจากเดือนละ 1 รอบเป็น 2 รอบที่จะมีผลตั้งแต่1ม.ค.67 เพื่อช่วยข้าราชการชั้นผู้น้อยไม่ต้องกู้หนี้ยืมสินส่วนการลดค่าไฟถือว่าลดมากกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว เช่นเดียวกับน้ำมันดีเซลที่จะลดต่ำกว่า30ส.ต./ลิตร โดยเริ่มต้นทันทีวันที่ 20 ก.ย.ส่วนน้ำมันเบนซินจะมีการพูดคุยกันในกลุ่มผู้เดือดร้อนจริงๆที่จะมีมาตรการตามมา
@เรียกว่ามติครม.นัดแรกของ “เศรษฐา”อาจถือว่า “เข้าตากรรมการ”ตามทรงที่หลายฝ่ายคาดอยู่แล้วว่า นายกอดีตCEOธุรกิจเอกชน ย่อมเชี่ยวชาญจรยุทธ์ “การตลาด”รู้ความต้องการ ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ที่ยามนี้คือ “ประชาชน”โดยสามารถคิดค้นวิธีการ และเคลื่อนตัว บริหารการจัดการ แบบ“จัดให้ได้ทันใจ”มากกว่า “นายกฯคนเก่า”ที่มาจากระบบราชการ อย่างที่ “เศรษฐา”ใช้คำว่า “เป็นเรื่องที่ประชาชนรอคอย”ในเรื่องค่าไฟฟ้า,น้ำมัน
ที่อยู่ในโหมด“ค่าครองชีพ”ในภาวะนี้ ไม่นับรวมในส่วนที่ต่อยอดมาจากรัฐบาลเดิมอย่างเรื่อง “เงินอุดหนุนเด็กพันล้านซึ่ง “ขาดตอน”ช่วง “เปลี่ยนผ่านรัฐบาล”จากยุคลุงตู่ ที่ไม่สามารถนำเงินงบประมาณมาใช้ได้ทำให้ “แม่”ไม่ได้เงินวันที่ 8ก.ย. ”ที่“รมต.ท็อป-วราวุธ”“รมว.กระทรวงพัฒนาสังคมฯ”เทคแอ๊คชั่นเสนอเป็น “วาระจร”และได้รับการอนุมัติปุ๊บให้กรมบัญชีกลางรีบ ต่อท่องบฯให้ “แม่”ที่มีลูกไม่เกิน 6 ขวบ กว่า2ล้านราย สามารถเบิกเงิน600ได้ทันทีในวันที่ 18ก.ย.โชว์ภาพรวมการประสานงานทำงานที่รวดเร็วชอง “รัฐบาลเศรษฐา1”
@กระนั้น หากดูใน “ไส้ใน”แม้มติครม.แจกแบบ “แพคเกจซานต้านิด”ที่ออกมา จะเป็นห้วงระยะสั้น3เดือนโดยยังไม่เข้าไปถึง “นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ”หลักๆ อาทิ “แจกเงินดิจิทัล1หมื่น”ที่ถูกวิจารณ์ความชัดเจน ซึ่ง “เศรษฐา”ขอเวลาจัดการระบบ เช่นเดียวกับ มติครม.เกี่ยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ตั้งให้ “ภูมิธรรม”ไปตั้ง “คณะทำงานศึกษา”แทนที่จะมีมติชัดให้ทำประชามติประชาชนจะแก้รธน.มั้ย เพราะ พรรคเพื่อไทยเองศึกษาจนทะลุปรุโปร่งมาแล้วแบบให้ แก้ทั้งฉบับ โดยตั้ง สสร. มาตลอดหลายปีช่วง “ลุงตู่”เป็นนายกฯ4ปีหลัง ในขณะที่ “เศรษฐา”ภายหลังก็เริ่มบอกแล้วว่ารัฐบาลจะทำไปพร้อมกันทั้งประเด็นเศรษฐกิจและการเมืองว่าด้วยเรื่องรัฐธรรมนูญ
@เช่นกันในปมประเด็น “แก้โจทย์เศรษฐกิจ”กับการทำได้จริง ไม่แต่ “ข้อระแวง”เรื่อง “กลุ่มทุนผูกขาดผลประโยชน์”ที่เป็น “สปอนเซอร์เดิม”ของ “รัฐบาลเก่า”รวมถึง “กลุ่มทุนผลประโยชน์ใหม่”ที่เป็น “เจ้าของพรรค”ของทุกพรรคร่วมรัฐบาลรวมถึงเพื่อไทย ที่ถูกมองจะเป็น “อุปสรรค”กับ “เศรษฐา”ในการ “นำ”การ “ขับเคลื่อน”นโยบายเพื่อ ปากท้อง“ประชาชน”จริงๆส่วนหนึ่งต้องยอมรับถึง “อุปสรรค”ที่ถูกมองเชื่อมต่อไปถึงเงื่อนไข “ความพร้อม”และ “จังหวะ”
โดยเฉพาะ รัฐบาลเศรษฐามาในจังหวะก้ำกึ่งระหว่างปีงบประมาณ67 อย่างที่ “ไพศาล”อดีตกุนซือรองนายกป้อม โพสFBสะกิด ว่า ปกติ 1 ต.ค.กฎหมายงบประมาณปี 67 ก็จะมีผลใช้บังคับ รัฐบาลจะมีเงินมาใช้ ขณะนี้เหลือเวลาอีกเพียง 17 วัน จะสิ้นปีงบประมาณแล้วรัฐบาลไม่สามารถใช้เงินแผ่นดินได้ ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตไว้ตามกฎหมายงบประมาณประจำปีการจัดทำพรบ.งบฯ ต้องใช้เวลาราว 6 เดือน
ขณะนี้ เรื่องงบประมาณปี 67 ยังไม่ได้เข้าสู่วาระการพิจารณาของ ครม.เลยและยังต้องมีขั้นตอนการพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ถ้าหากปล่อยเรื่อยเปื่อย กว่าจะใช้บังคับได้ก็น่าจะเป็นกุมภาพันธ์ปี 67 สภาพก็ไม่ต่างกับกรุงเทพฯ ที่ผู้ว่าชนะเลือกตั้งแล้วไม่มีเงินงบประมาณให้ทำงานเลยแต่รัฐบาลจะหนักหนาสาหัสหลายเท่า ทำอะไรใหม่เพิ่มเติมไม่ได้ จะต้องรอกฎหมายงบประมาณปี 67 นี่คือสภาพณ.วันเวลาเริ่มต้นรัฐบาลเศรษฐา
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews