@ไม่แต่ผลพวง ความว้าวุ่นในแวดวงตำรวจที่สั่นสะเทือนหลายริกเตอร์และกำลังขยายแรงกระเพื่อมไปสู่แวดแวงการเมือง
ที่เริ่มมีการจับตาเรื่องที่เกิดขึ้น กับปม “รุมกินโจ๊ก”เมื่อวาน(25ก.ย.)ที่เหมือนบังเอิญมาเกิดขึ้นในช่วงไคลแม็กซ์อีก 2 วันคือพรุ่งนี้(27ก.ย.)ที่“นายกเศรษฐา”ยืนยันจะมีการทุบโต๊ะสรุปตั้ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ แทน “บิ๊กเด่น”ที่จะเกษียณอายุราชการ ที่ยังผลส่วนหนึ่งทำให้ “นายกฯเศรษฐา”ที่บอกว่าเรื่องนี้เป็น “เรื่องใหญ่”มีการลงนามตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีค้นบ้านพัก “บิ๊กโจ๊ก”
ที่ด้านหนึ่งถูกมองเป็นการให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอีกด้านหนึ่งมีการมองไปถึงผลกระทบโดยตรง กับ“บิ๊กโจ๊ก”หนึ่งในแคนดิเดตชิง “ผบ.ตร.”จากจำนวน 4 คนที่จะมีการเคาะสรุปพรุ่งนี้ประกอบด้วย พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.,พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.,พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.
@ที่แน่นอนปม ปฏิบัติการ“รุมกินโจ๊กตำรวจ”ที่ว่าย่อมส่งผลกระทบไปแล้ว 1 ดอก อย่างที่เจ้าตัวที่วันนี้(26ก.ย.)ไปร้องต่อศาลอาญาขอความเป็นธรรม เกี่ยวกับกรณีตำรวจ พร้อมหน่วยคอมมานโด นำหมายค้นเข้าตรวจสอบบ้านพักส่วนตัวย่านวิภาวดี หลังลูกน้องคนสนิทถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บการพนันออนไลน์ ว่าการขอหมายค้นดังกล่าวเป็นการขอหมายที่มิชอบ และละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ เพื่อให้ศาลพิจารณามีคำสั่งไต่สวน
เรื่องการละเมิดอำนาจศาลในการออกหมายค้น และพรุ่งนี้ (27 ก.ย.)ลูกน้องของตนเอง จะมีการไปยื่นคำร้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งไต่สวนในทางละเมิดคำสั่งศาล หลอกให้มีการออกหมายจับ และหมายค้นในบ้าน แม้ก่อนหน้านี้จะมีการยืนยันจากหัวหน้าชุดตรวจค้นว่าพุ่งเป้าหมายไปที่การจับกุม“ลูกน้อง”ของ “บิ๊กโจ๊ก”ตามหมายจับ โดยไม่รู้ว่าเป็นบ้านที่ “บิ๊กโจ๊ก”พัดอาศัย ที่ “บิ๊กโจ๊ก”บอกกับนักข่าวเชื่อว่าเป็นเกมดิสเครดิตตน
@ที่ก็เช่นเดียวกับ อดีต ผบ.ตร. “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวส”ที่มอง(25ก.ย.)ว่าเหตุการณ์ดังกล่าว มีเบื้องหน้าเบื้องหลังและมีสาเหตุมาจากการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในอดีตไม่เคยมีการเข้าค้นบ้านผู้บังคับบัญชาระดับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาก่อน มีเพียงความพยายามล้มล้าง
ซึ่งปกติแล้วการจะขอหมายศาลเพื่อเข้าค้นบ้านตำรวจระดับชั้นผู้ใหญ่แบบนี้จะต้องมีมูลเหตุชัดเจนเพียงพอให้ศาลมีความเชื่อว่ามีการกระทำความผิดจริงดังนั้นเรื่องนี้ตัวเองเชื่อว่าหากผู้ไปขอหมายศาลระบุชื่อว่าจะค้นบ้านของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ศาลคงไม่ออกหมายค้นให้พร้อมตั้งคำถามไปยัง “เศรษฐา” ว่ามีอิทธิพลภายนอกมาครอบงำหรือไม่ ฉะนั้นขอฝากเตือนไปยังนายกฯ ว่า จะทำอะไรจะแต่งตั้งใคร ต้องคิดให้รอบคอบ และคำนึงถึงมาตรา 78 ที่จะต้องคำนึงถึงความอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกัน
โดยเฉพาะเรื่องการสืบสวนสอบสวนและประสบการณ์ในการป้องกันปราบปราม ซึ่งต้องมีผลงานปรากฏที่ชัดเจน ซึ่งหากมีการแต่งตั้งข้ามระบบอาวุโส ก็จะทำให้วงการสำนักงานตำรวจแห่งชาติตกต่ำ และจะไปโทษตำรวจชั้นผู้น้อยที่ไปรับเงินคนแบบอดีตกำนันนกก็ไม่ได้ เพราะมีผู้บังคับบัญชาเป็นแบบนี้
@เช่นเดียวกับ “รังสิมันต์ โรม”ส.ส.ก้าวไกล ซึ่งเป็นผู้อภิปรายการปฏิรูปตำรวจเจ้าของคำ “ตั๋วช้าง”ที่ระบุจากเคสนี้รวมถึงกรณี “กำนันนก” ทำให้ ขณะนี้น่าจะถึงวลาปฏิรูปวงการตำรวจแล้ว เพราะที่ผ่านมามีการพูดมานานแล้วแต่ไม่มีการดำเนินการทำให้วงการตำรวจเสียหาย ซึ่งล่าสุดจากคดี “กำนันนก” จนถึงการค้นบ้าน “บิ๊กโจ๊กพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ซึ่งรัฐบาลชุดนี้คงต้องมีการปฏิรูปหรือสังคายนาตำรวจอย่างจริงจัง โดยเรียร้องให้ “นายกฯเศรษฐา”เร่งปฏิรูปตำรวจอย่างจริงจัง โดยเสนอให้การเลือกผบ.ตร.ที่จะมีขึ้นประกอบกับพรบ.ตำรวจและดุลพินิจของนายกฯ ประกอบด้วย
1.รอง ผบ.ตร. ที่ประสงค์จะเป็น ผบ.ตร. ให้ยื่นความจำนงต่อกรรมการที่นายกตั้งขึ้น พร้อม Porfolio ผลงานต่างๆ
2. ให้มีการแสดงวิสัยทัศน์สาธารณะ ให้ประชาชนได้เห็นว่าคุณมีวิสัยทัศน์อะไร ต้องตอบคำถามให้ได้ว่า ที่จะเป็นผบ.ตร. มีแผนพัฒนาตำรวจอย่างไร โดยเฉพาะภายใต้กรอบระยะเวลาที่ตนเองเหลืออยู่
3. ให้ทำแพลตฟอร์มออนไลน์ให้พี่น้องตำรวจสามารถลงทะเบียนเพื่อโหวตเลือก ผบ.ตร. ได้ เพื่อนายกฯ ทราบว่าตำรวจส่วนใหญ่อยากให้ใครเป็น ผบ.ตร.
ทั้งนี้แพลตฟอร์มนั้นจะไม่สามารถระบุตัวตนตำรวจที่โหวตดังกล่าวได้ รู้แค่ว่าเป็นตำรวจซึ่งสามารถทำได้ในปัจจุบัน“ ทั้ง 3 ข้อนี้จะนำไปสู่การติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูกต้อง ให้ ผบ.ตร. ไม่ได้มาจากเส้นสายไม่ได้มาจากตั๋ว ไม่ได้มาจากการซื้อ เพื่อปูทางสู่การสร้างตำรวจที่จะต่อสู้กับอำนาจมืดทุกรูปแบบ”
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews