@เหมือนจะยังไม่จบแบบสะเด็ดน้ำเท่าใดกับตำแหน่ง ผบ.ตร.คนที่14 แม้จะได้เห็นภาพ “บิ๊กต่อ”ทำงานทำงานทำงานโชว์จับยาเสพติดล็อตใหญ่กลางดึก
ประเดิมหลังจากที่มติ ก.ตร.เคาะให้เป็น “ผบ.ตร.คนใหม่”ต่อจาก “บิ๊กเด่น”สัมผัสได้จากบรรดาแวดวงสีกากีระดับอดีตผบ.ตร.หลายคน รวมถึงจากแวดวงปัจจุบัน ที่ออกอาการ “อารมณ์ค้าง”ตั้งข้อกังขา มติ ก.ตร.9:1 เมื่อวาน(27ก.ย.)ที่มี “นายกฯเศรษฐา”นั่งหัวโต๊ะ
เป็นผู้เสนอเลื่อนวาระจาก60มาเป็นวาระแรกแถมเป็นผู้เสนอชื่อ “บิ๊กต่อ” “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์”แต่นายกฯกลับ “งดออกเสียง”โดยเจ้าตัวแจงทำไมจึงไม่รอผลการสอบสวนคดี “บิ๊กโจ๊ก” ให้จบก่อนแต่งตั้งว่า หากมีการโปรดเกล้าฯผบ.ตร.ใหม่ ลงมา
จะมีคณะกรรมการ และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้แถลง ด้านข้อกฎหมายดูเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่งดออกเสียง ไม่มีความกังวลเพราะทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ไม่ลุด้วยอำนาจ เพราะมีการอภิปรายอย่างกว้างขวางในที่ประชุม ซึ่งในที่ประชุมมีการพูดและให้ความเป็นธรรมกับแคนดิเดต ผบ.ตร. ทุกคน
@เรียกว่าต้องยอมรับว่าหลายฝ่ายยังมี “ติ่ง”ต่อประเด็น “ข้อกฎหมาย”ล้อตามรธน.60 ที่ระบุคุณสมบัติในเรื่องความมี“อาวุโส”และการผ่านงานสืบสวนสอบสวน ที่ทำให้สังคมเริ่มเข้ามาส่อง “ไส้ใน”เส้นทางสีกากีของ “ผบ.ตร.คนใหม่”จนเกิดคำว่า
ช่องทาง“FAST TRACK”ต่อท้าย กับการเติบโตอย่างรวดเร็วทำนองคนอื่นใช้เวลา16ปีแต่ทางนี้ใช้แค่6ปีกว่า และมีอาวุโสลำดับ4ในจำนวนแคนดิเดตผบ.ตร. อย่างที่ “พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์” ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิจากการเลือกตั้ง “หนึ่งเดียว”ที่ลงมติไม่เห็นด้วย โพสต์FB ว่า
ผลการประชุม ก.ตร.มีมติเสียงข้างมาก 9 ต่อ 1งดออกเสียง 2 เห็นชอบตามที่นายกฯเสนอให้ “บิ๊กต่อ” เป็น ผบ.ตร.คนต่อไป ตนได้ทำหน้าที่ อภิปรายถึง บริบทกฎหมายการแต่งตั้งตำรวจ ตั้งแต่ รธน. 60 ที่ปรับปรุงกฎหมายบริหารงานบุคคลตำรวจ มีหลักประกันว่าจะได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้าย
การแต่งตั้งต้องคำนึงถึงอาวุโส และความรู้ความสามารถประกอบกัน เพื่อให้ปฏิบัติหน้าอิสระไม่ตกอยู่ใต้อาณัติของบุคคลใด ที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ตำรวจ 2565 (ฉบับปฏิรูปตำรวจ) ใน ม.60 ม.87 ม.88 ม.150ตนได้โหวตไม่เห็นด้วยเป็นเสียงข้างน้อย ด้วยเหตุผลที่ได้ขอบันทึกไว้ในรายงานการประชุมว่า “การคัดเลือกแต่งตั้งผบ.ตร.ไม่เป็นหลักเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนดไว้”
@ไม่แต่เท่านั้น “เอฟเฟ็กต์”จากปมความขัดแย้งในแวดวงตำรวจที่ถูกโยงกับภาพปฏิบัติการบุกค้น “บ้านบิ๊กโจ๊ก”กระทั่ง“บิ๊กโจ๊ก”ที่ให้“ทนายกระดูกเหล็ก” “อนันต์ชัย”ที่ “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์”อดีตผบ.ตร.ใช้บริการมาดูแลทุกคดี ตั้งชื่อใหม่ให้จาก “โจ๊กหวานเจี๊ยบ”ว่า “โจ๊กอัคนี”ประกาศว่ามีข้อมูลลึกอยู่ในมือ
ที่หากเปิดออกมากระทบตำรวจทั้งกรม ยังผลให้ที่สภาวันนี้ “รังสิมันต์ โรม”ที่กัดไม่ปล่อยเรื่อง “ตั๋วช้าง” ซึ่งง้างเท้ารออยู่แล้วโดดเข้ามา ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจากับ“นายกฯเศรษฐา”ที่วันนี้ไปเขมร ทันที กับปม การตั้ง ผบ.ตร.และปัญหาใน สตช.
โดยระบุนายกฯควรแจ้งให้ชัดเจนว่าไม่มาครั้งนี้แล้วจะมาตอบกระทู้ได้เมื่อไหร่ โดย “โรม”บอกว่า ปัญหาการตั้งผบ.ตร.เมื่อวาน ยังไม่ทราบหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนว่ามีเหตุผลและวิธีการพิจารณาหรือมีวิสัยทัศน์อย่างไร หากนายกฯไม่มาควรมอบให้ “นายสมศักดิ์”รองนายกฯมาตอบเพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับองค์กรตำรวจ
@ที่การกระเพื่อมเพื่อตรวจสอบจากฝ่ายนิติบัญญัติไปยัง “ฝ่ายบริหาร”ผ่านแอ๊คชั่นของ “โรม-ก้าวไกล”ทำให้ฝั่งรัฐบาลให้ “อดิศร เพียงเกษ”ประธานวิปรัฐบาล ออกมาขยับ เสนอญัตติด่วนด้วยว่าวาจา โดยอ้างอิงเหตุความขัดแย้งใน สตช.ที่ปรากฎตามข่าว
โดยเฉพาะมีผู้ที่ออกมาบบอกหาก เปิดเผยข้อมูลทั้งหมด สตช.จะอยู่ไม่ได้ ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องร้ายแรงเพราะตำรวจอยู่ในขั้นต้นของกระบวนการยุติธรรม ประชาชนจะอยู่อย่างไรหากตำรวจขัดแย้งกัน พร้อมเสนอตั้งกรรมาธิการติดตามปัญหาเนื่องจากกรรมาธิการสามัญยังไม่แล้วเสร็จ
แต่เป็นเรื่องเร่งด่วนในการพิทักษ์สันติราษฎร์เป็นเรื่องคุกรุ่นภูเขาไฟที่อยู่ใต้ดินต้องปฏิรูปตำรวจเพราะหากตำรวจขัดแย้งกันแบ่งเป็นก๊กเหล่าจะไปช่วยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ขัดแย้งกันองค์กรเดินไปไม่ได้ ใครจะดูแลประชาชน และย้ำว่าญัตติด่วนนี้เป็นของสภาฯไม่ใช่ของพรรคการเมืองใด.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews