@ที่สุด “เศรษฐาทีม”ก็จำต้องถอยเอาเชิงดึงจังหวะไปก่อน เป็นไตรมาสถัดไป จากกำหนด 1ก.พ.66
ที่ประกาศไว้ว่าจะแจกเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ต หลังถูกหลายฝ่ายท้วงติงตั้งแต่ 99นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ อดีตขุนคลัง อดีตผู้ว่าแบงค์ชาติไปจนถึงพรรคฝ่ายค้านประชาธิปัตย์(ปชป.),ก้าวไกล(กก.)รวมถึง ผู้คนในพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) และมีการเคลื่อนไหวของทั้ง “นักร้อง”และ “ตัวตึง”ทั้งอดีตมือปราบ “จำนำข้าว”อย่าง “หมอวรงค์”และ “อดีตสว.”อย่าง “รสนา”ไปยื่นองค์กรอิสระทั้ง ป.ป.ช. สตง.ตลอดห้วงสัปดาห์นี้
ที่ทำให้สังคมกระเพื่อมหันมาจับตาประเด็นนี้ ไม่แพ้ ข่าวสงครามอิสราเอล-ฮามาส-ปาเลสไตน์ ที่เข้มข้นถึงจุดอันตราย ส่อว่าจะบานปลายกลายเป็นสงครามภูมิภาค จากท่าทีของ “โจไบเดน”และบรรดาผู้นำที่สนับสนุนอิสราเอลจัดการกลุ่มฮามาสอย่างเด็ดขาด ซึ่งนาทีนี้ไทยได้รับผลกระทบทั้ง30แรงงานไทยที่เสียชีวิต และ ยังมี17แรงงานไทยถูกจับเป็นตัวประกัน รวมถึงยังมีอีกหลายพันคนที่ติดค้างอยู่ระหว่างการนำกลับ
@โดยการออกมายอมรับของ “จุลพันธ์”รมช.คลังเมื่อวาน ที่เลื่อนการประชุม “คณะอนุกรรมการเงินดิจิทัล” ซึ่งกำหนดจะสรุปรายละเอียดการหาแหล่งเงิน และรายละเอียดทางเทคนิค “ซุปเปอร์แอพ”ที่จะใช้ดำเนินการส่งให้ที่ประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ ที่ “นายกฯเศรษฐา”นั่งหัวโต๊ะ ที่นัดไว้ วันที่ 24ต.ค.ออกไปก่อน ทำให้อาจต้องเลื่อนการประชุม“คณะกรรมการชุดใหญ่”ด้วย โดย “จุลพันธ์”บอกว่า ‘ยังสรุปไม่ได้ แต่ไม่ได้แปลว่าไม่มีข้อสรุป’ไม่ต้องการให้เงื่อนเวลาบีบโดยเฉพาะขั้นตอนทางเทคนิคที่ต้องมีการทดสอบระบบอย่างน้อย3-6เดือน
@ที่ถือเป็นครั้งแรกที่ปรากฎ “สัญญานถอย”เพื่อทบทวน กระบวนท่า การเร่งผลักดันนโยบายนี้ของรัฐบาลทั้งที่“ยังไม่พร้อม”จากความไม่ชัดเจนในนโยบายหลายองค์ประกอบ ระหว่างที่ “นายกฯเศรษฐา”ยังโกอินเตอร์ เดินสายเป็น “เซล์ลแมนไทย”ในต่างประเทศไปพร้อมๆกับการแก้ปัญหาช่วยแรงงานไทยตกอยู่กลางดงสงครามอิสราเอลโดยประเด็น เงินดิจิทัล 10,000 บาท เริ่มถูกจับตาว่าจะเป็นปัญหาถึงขั้นเป็น“จุดตาย”รัฐบาลเศรษฐา ที่ยามนี้เหมือน “ขี่บนหลังเสือ”ที่หยุดไม่ได้ ไปต่อก็ลำบาก อย่างที่ “อุ๊งค์อิ๊งค์”ที่วันนี้นอกจากจะยอมรับว่าพร้อมเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยังยืนยันถึงเรื่องนี้ ว่ายังไงก็ “ไปต่อ” แจกแจงที่ต้องเลื่อนจาก1ก.พ. ทำนอง “ตอนที่เราเสนอนโยบายนี้เราก็ศึกษามากพอสมควร แต่แน่นอนว่าในขั้นตอนปฏิบัติ มีปัจจัยอื่น ๆ มากมายที่รัฐบาล และ ครม.กำลังหาคำตอบเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดประชาชน ดังนั้น ก็ขอให้อดใจกันก่อน”
@น่าสนใจว่าอาการเหมือน “ถอยไปตั้งหลัก”ของ “รัฐบาลเพื่อไทย”ยอมเสียฟอร์มเลื่อนเพื่อพอมีเวลา หาแหล่งเงิน และเตรียมการทางเทคนิค ออกไปจากไตรมาสแรก นอกจากจะตรงกับจังหวะไทม์ไลน์ขั้นตอนการผ่าน พรบ.งบประมาณ67ของสภา ที่อาจใช้ได้ห้วงเดือนพฤษภาคม ที่ยังพอใช้ “งบปกติ”ได้แล้ว ยังถูกมองถึง ผลกระทบ จาก “ฉาก”ที่ปรากฏใน การประชุม คณะ กมธ. การพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีคนจากก้าวไกล “สิทธิพล วิบูลย์ธนากุล” เป็นประธานที่มีการเชิญ “คนแบงค์ชาติ”มาชี้แจง โดย ‘ดารณี แซ่จู’ ผู้ช่วยผู้ว่าแบงค์ชาติ ชี้แจงช่วงหนึ่งว่า“ในมุมมอง ของ ธปท.เห็นว่าตัวเลขเศรษฐกิจในครึ่งปีแรกที่เกี่ยวกับการบริโภคภาคเอกชน มองว่าความจำเป็นต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยรวมผ่านโครงการนี้ยังมีไม่มาก เนื่องจากภาพรวมการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้สูง และตลาดแรงงานก็ฟื้นตัวต่อเนื่องดังนั้น ผลของโครงการต่อเศรษฐกิจ อาจจะ ไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย”
@น่าสนใจว่า การชี้แจงของ “ดารณี”ถูกมองว่าคล้ายกับ 7 ข้อแนะนำและเรียกร้อง ที่99นักวิชาการเศรษฐศาสตร์เคยออกมาแถลงการณ์เรียกร้องให้ยกเลิกโครงการนี้(5ต.ค.) โดยเฉพาะใน “ข้อแรก” ที่อธิบายเหตุผลชัด ที่ว่า “ขณะนี้เศรษฐกิจกำลังอยู่ในภาวะฟื้นตัว โดยสำนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวประมาณร้อยละ 2.8 ในปีนี้และร้อยละ 3.5 ในปีหน้า
จึงไม่มีความจำเป็นที่รัฐจะต้องใช้จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อกระตุ้น การบริโภคภายในประเทศการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ผ่านมา มีการบริโภคส่วนบุคคลเป็นตัวจักรสำคัญ ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ การบริโภคขยายตัวถึงร้อยละ 7.8 ซึ่งสูงที่สุด ใน 20 ปี คิดเป็นกว่า 2 เท่า ของค่าเฉลี่ย 10 ปี คาดว่าปีนี้ทั้งปี จะขายตัวร้อยละ 6.1 และ4.6 ในปีหน้า จึงไม่มีความจำเป็นที่รัฐจะกระตุ้นการบริโภคส่วนบุคคล แต่ควรเน้นการใช้จ่ายของภาครัฐในการสร้างศักยภาพในการลงทุนและการส่งออกมากกว่า
นอกจากนี้ การกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศยังอาจจะเป็นปัจจัยให้เกิดเงินเฟ้อสูงขึ้นมาอีก หลังจากที่เงินเฟ้อได้ลดลงจากร้อยละ 6.1 มาอยู่ที่ประมาณร้อยละ 2.9 ในปีนี้ ท่ามกลางราคาพลังงานที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในระยะหลัง การกระตุ้นการบริโภคในช่วงเวลานี้จะทำให้เงินเฟ้อคาดการณ์(inflation expectation)สูงขึ้น และอาจนำไปสู่สภาวะที่ต้องขึ้นดอกเบี้ยในที่สุด.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews