ท่ามกลางการลุ้นการช่วยเหลือตัวประกันแรงงานไทย ที่อยู่ใจกลางสงครามอิสราเอลที่ถล่มฉนวนกาซาล่าสุดที่มีรายงานตัวประกันไม่ทราบชนชาติเสียชีวิต9 ราย ในประเทศไทย
ก็มีหลายคำถามที่ไร้คำตอบที่เริ่มกดดันปิดล้อมไปยัง “นายกเศรษฐา”และรัฐบาลไปเรื่อยๆ ไม่แต่ จังหวะปะเหมาะ ที่เมื่อวาน(22ต.ค.)และวันก่อนบังเอิญเกิดเหตุการณ์สอดรับคล้ายเหมือนหากแต่แตกต่างในตัวละครสถานที่ หากแต่โยงใยสัมพันธ์ในเชิง มเปรียบเทียบที่เกี่ยวข้องกับ ผลลัพธ์ในกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นกรณี”เสี่ยแป้ง”เชาวลิต ทองด้วงนักโทษแหกคุกหนีออกจากโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราชความผิดคดีปล้นทรัพย์ ความผิดต่อเสรีภาพ พรบ.อาวุธปืน กำหนดโทษรวม 21 ปี 3 เดือน 25 วัน
จะพ้นโทษวันที่ 6 พฤษภาคม 2586 ก่อเหตุ หลบหนี ระหว่าง รักษาทางทันตกรรม ที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราชแต่มีอาการวูบหมดสติ และขาอ่อนแรง จึงแอดมิทที่โรงพยาบาลฯ และหลังจากนั้นได้หลบหนีไปเมื่อกลางดึกที่ร้อนถึงทั้งทางเรือนจำ กรมราชทันฑ์ วิ่งวุ่นไล่ล่า”เสี่ยแป้ง”และตั้งกรรมการสอบผู้เกี่ยวข้องทันที พร้อมรีบชี้แจงว่าการที่ผู้ต้องขังหลบหนีระหว่างคุมขังนั้นจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย อีกทั้งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลบหนีหรือให้การสนับสนุนในการหลบหนี หรือให้ที่พักอาศัยจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วยเช่นกัน จึงขอความร่วมมือจากญาติและบุคคลใกล้ชิดของผู้ต้องขังเกลี้ยกล่อมให้เข้ามอบตัว
ขณะที่เมื่อนักข่าว มาถามนายกเศรษฐา บอก ปัดยังไม่ทราบเรื่อง โดยช่วงบ่ายของวันนี้จะเดินทางไปเป็นประธานในการประชุมศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉินความไม่สงบในอิสราเอล-กาซา ที่กระทรวงการต่างประเทศคงจะได้รับบรีฟหลายเรื่อง ขณะที่ฝั่งตำรวจโฆษกบอกว่า”บิ๊กต่อ”ผบ.ตร.ได้รับรายงานและสั่งการผบช.ภ.8 ร่วมกองปราบ เร่งไล่ล่าจับกุม พร้อมออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการ ขยายผลดำเนินการเด็ดขาดทุกรายแล้ว
เรียกว่ากระเพื่อมทั้งองคพายพในจังหวะเดียวกันที่เมื่อวาน(22ต.ค.)บังเอิญเป็นวันครบรอบ2เดือนของการมูฟมาจากเคือนจำเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจที่ชั้น14ของ”นช.ทักษิณ”ที่แม้จะได้รับการลดโทษจาก8ปีเหลือ1ปีและมีความพยายามในการพุกโทษของครอบครัว เพื่อให้ไปพักฟื้นหลังการผ่าตัดที่บ้าน แต่ก็ยังถูกหลายฝ่ายโดยเฉพาะกลุ่ม คปท.กังขา และพยายามที่จะเรียกร้องฝ่ายเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น
กรมราชทันฑ์ กระทรวงยุติธรรม หรือ สตช.ที่ดูแลโรงพยาบาลตำรวจ รวมถึง แพทย์ใหญ่ กับการเข้ารับการรักษาอาการของทักษิณ ที่ไม่ชัดเจนว่าป่วยเป็นอะไรที่ไร้คำตอบจนถึงเมื่อวาน ที่ คปท.นำโดย ทนายนกเขา บุกเข้าไปที่โรงพยาบาลตำรวจเพื่อขอพิสูจน์ทราบว่า ทักษิณ ยังรักษาอาการอยู่ที่ชั้นที่14หรือไม่แต่ก็ถูกสกัดจากเจ้าหน้าที่
โดยได้พบกับ “รศ. พล.ต.ต. กิตติ์ธนทัต เลอวงศ์รัตน์ “รองนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ที่อธิบายว่าไม่เกี่ยวข้องกับการรักษา ทักษิณ โดยตรง และไม่ทราบรายละเอียดของคนไข้ โรงพยาบาลตำรวจมีหน้าที่ในการดูแลคนไข้และเคยดูแลนักโทษที่ส่งมาจากกรมราชทัณฑ์ การดำเนินการรักษาแพทย์จะแจ้งแค่ว่ารักษาอย่างไรและอาการเป็นอย่างไร
สำหรับความเห็นที่จะให้รักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลหรือไม่ไม่ใช่หน้าที่ของแพทย์ ทุกครั้งที่ผ่านมาในการประเมินอนุญาต
ให้อยู่ต่อเป็นเรื่องของกรมราชทัณฑ์โดยตรง ในความเห็นที่ให้ไปก็ไม่มีการพูดถึงการให้อยู่ต่อ เพราะกรมราชทัณฑ์เป็นเจ้าของคนไข้ ในส่วนของยาที่ใช้รักษา น.ช.ทักษิณ สามารถใช้ยาทั่วไปที่มีอยู่ทุกโรงพยาบาลได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยาของ รพ.ตำรวจ
เนื่องจาก รพ.ตำรวจ ก็ไม่ได้ผลิตยาเอง ซึ่ง ทนายนกเขา บอกว่า ประเด็นสำคัญ กรมราชทัณฑ์อ้างเกี่ยวกับข้อมูลของผู้ป่วย อ้างเรื่องจรรยาบรรณทางการแพทย์ แต่ขณะนี้กรมราชทัณฑ์มีสถานะเป็นเจ้าของใคร ฉะนั้นถ้า กฎหมายเป็นอุปสรรคในการปิดบังข้อมูลเราเองก็ไม่ต้องการกระทบบุคคลทั่วไป แต่บุคคลที่ต้องอยู่ในการควบคุมของทางราชการแม้จะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาก็ต้องสามารถเปิดเผยได้
ก็จะต้องมีการเสนอให้แก้ไขกฎหมายต่อไปเพราะมิเช่นนั้นจะเป็นประโยชน์จากการไม่ป่วยแต่อ้างป่วย แล้วปกปิดข้อมูลโดยอ้างว่าเป็นข้อมูลของผู้ป่วย และกรมราชทัณฑ์ต้องตอบว่าที่ผ่านมาได้ทำบัตรประจำตัวผู้ต้องขังหรือยัง มีทะเบียนประวัติหรือไม่ หากไม่มีก็ถือเป็นการเลี่ยงปฏิบัติ เป็นข้อยกเว้น
เรียกว่าแม้ช็อตเมื่อวานของคปท.จะยังไม่ถึงขั้นแตกหัก แต่ก็ถือว่า เป็นแรงกระเพื่อมที่เพิ่มขึ้น สำหรับรัฐบาลในจังหวะที่เริ่มมีหลายกลุ่มสังคมกดดันไปที่กระทรวงยุติธรรมผ่านปลัดที่รับไม้ต่อจากอธิบดีกรมราชทันฑ์ยิ่งเมื่อมีเคส 11แกนนำพันธมิตรโดนพิทักษ์ทรัพย์ออกมาเมื่อหลายวันก่อน อย่างที่ “สว.วันชัย”ออกมาเปรยดัง รู้สึกเจ็บปวดสะเทือนใจ 11 แกนนำพันธมิตรถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดล้มละลาย- ที่ดิน เงินเดือนถูกอายัด แม้ทรัพย์สินเมีย ยังถูกยึดหลังผัวตาย เห็นใจทุกสี ‘พันธมิตร-นปช.-กปปส.’ ล้วนวีรบุรุษ แต่พวกยึดอำนาจรัฐ กลับลอยหน้าลอยตาได้รับนิรโทษกรรม
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews