จับอาการจุดติดง่ายถึงขั้น“ไฟลุก”ของ“นายกฯเศรษฐา”วันก่อนที่ ปรี๊ดใส่ฝ่ายเกี่ยวข้องที่ประชุมแก้ปัญหา ส่วยสติ๊กเกอร์ หมูเถื่อนและ ความปลอดภัยการท่องเที่ยว ก่อนขึ้นเครื่องไปประชุมเอเปคที่สหรัฐ
ที่ ช่วงหนึ่ง สีหน้าแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจนถึงการปราบปราบขบวนการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน พร้อมกับตั้งคำถามถึงผู้เกี่ยวข้องว่าเหตุใดถึงล่าช้า พร้อมสั่งให้จัดการให้มันเร็วๆหน่อยได้หรือไม่ สั่งไปแล้วก็ไม่ทำ ไม่หาตัวรายใหญ่ เข้าถึงตัวไม่ได้เสียที ดูจะมาสอดรับกับบรรยากาศอาการความเป็นไปของ “นโยบายเรือธง”แจกหมื่นดิจิทัล ที่กำลังเจอแรงต้านจากทุกทิศทาง ทั้งที่“นายกฯเศรษฐา”เพิ่งแถลงความชัดเจน ที่ยืนยันการเดินหน้านโยบายนี้ไปเมื่อวันศุกร์(10พ.ย.)
ที่แม้ว่าเจ้าตัวจะยืนยันอีกครั้งมาจากสหรัฐวันนี้(13พ.ย.)ว่าทำนอง ต้องให้ข้อมูลชัดเจนไม่อยากให้สังคมไทยทั้งฝ่ายค้านรัฐบาล ไม่อยากให้มีธง อยากให้รับฟังความคิดเห็นว่าข้อดูข้อเสียคืออะไร แล้วหยิบยกมาคุยกัน ส่วนที่วิจารณ์ว่าโครงกรนี้จะไม่เกิดขึ้นจริงและอาจไม่ผ่านสภานั้น นายกฯบอกว่าตนมั่นใจว่าเสียงของตนจากพรรคร่วมรัฐบาลมี320เสียงมั่นใจว่าเสียงของตนมั่นคงและเราทำงานเป็นทีมเชื่อว่าผ่าน ส่วนจะมีอุบัติเหตุให้สะดุดหรือไม่มั่นใจว่าเป็นนโยบายที่ดีเหมาะสม ยืนยันว่าทำถูกต้องทั้งหมด และทางคณะกรรมการกฤษฎีกาคงให้ข้อคิดเห็นในเชิงบวกและเราสามารถทำโครงการนี้ได้
เรียกว่า “นายกฯเศรษฐา”ยังเสียงแข็งเชื่อมั่นว่าโครงการนี้ไม่ผิดกฎหมายทำได้ แม้ “แรงต้าน”จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆไม่แต่จากฝ่ายค้านหรือ จากแวดวงวิชาการ หากยังมี “ข้าราชการ”ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึง สว.ที่เริ่มแสดงอาการ ไม่เห็นด้วย หลังจากมีการแถลงยืนยันของนายกฯเมื่อวันศุกร์ที่มีข่าวหลุดออกมาทำนองก่อนการแถลงในการประชุม ของนายกฯเกิดเสียงท้วงติงจาทั้ง เลขากฤษฎีกา,สภาพัฒน์ ผู้ว่าแบงค์ชาติ จนทำให้วันนี้รัฐบาลต้องรีบออกมาแก้ข่าวอย่างที่ “หมอมิ้ง”บอก ว่า เลขาธิการกฤษฎีกาไม่ได้บอกว่าไม่เห็นด้วยแล้วขอให้บันทึกการประชุม
แต่พูดตอนท้ายการประชุมว่ามีหน้าที่ดูแลทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมาย และปกป้องทุกคนในที่ประชุม โดยจะนำเรื่องไปหารือในคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งเป็นแนวทางที่ทำให้เราต้องหารือคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน ส่วนเรื่องการกู้เงินนั้น นายกฯได้หารือ ผู้ว่าแบงค์ชาติ ที่ให้ข้อคิดว่าเพื่อให้ถูกต้องตาม พ.ร.บ.เงินตรา ต้องมีเงินมาสำรองโครงการ เราเลยแก้ปัญหาด้วยการกู้เงินมาวางไว้ให้เห็นแล้วเราค่อยๆ ใช้ โดย “หมอมิ้ง”อ้างด้วยว่า จากการที่นายกฯหารือกับผู้ว่าการ ธปท.ก็ยังมีข้อเสนอเห็นด้วยกับการขอกู้ เพราะสะอาดดี โดยการขอกู้นั้นต้องดูว่ากฎหมายให้ช่องทางอะไรไว้บ้าง ที่สุดแล้วเราคิดว่าวิธีการนี้เหมาะสมที่สุด
เรียกว่า นอกจากจะถูก “จับผิด”ทั้งในมิติกฎหมายการเมืองและมิติกฎหมายการเงินการคลัง ทั้ง ประเด็นไม่ตรงกับที่แจ้งไว้ในการหาเสียงกับ กกต. ไม่ว่า “วงเงิน”เดิม ที่แจ้ง ไว้ “5.6แสนล้าน แจกผู้มีอายุ 16ปี และ ถ้วนหน้า แต่ที่นายกฯแถลง5 แสนล้าน แจกเฉพาะผู้มีอายุ 16 ขึ้นไป แต่ต้องมีรายได้ต่ำกว่า 7 หมื่นต่อเดือน และหรือมีเงินฝากขั้นต่ำกว่า 5 แสนบาท และ ประเด็น “แหล่งเงิน” ที่แจ้ง กกต.ว่าจะใช้เงินจาก 4 แหล่ง
คือ 1.จากภาษีในปีงบ 67 ที่จะจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น 2.6 แสนล้าน,2.จากภาษีนิติบุคคลที่จะจัดเก็บได้เพิ่มขึ้น 1 แสนล้าน3.จากการบริหารจัดการงบ1.1แสนล้าน, 4. กจากการบริหารงบด้านสวัสดิการที่ซ้ำซ้อน 9 หมื่นล้าน แต่นายกฯ แถลง จะออกเป็น พรบ.กู้เงิน5แสนล้าน
ที่ประเด็นการออกพรบ.ถูกหลายฝ่าย รวมถึง “นักร้อง”อย่าง “เรืองไกร”เตือน “นายกฯ”และ “ครม.”อย่าหาทำ เพราะไม่มีช่องทางกฎหมายที่จะทำได้ไม่ได้มีแค่ ม.53 ของพรบ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ตามที่นายกฯ ว่าแต่ยังต้องอยู่ในบังคับภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและบทบัญญัติของกฎหมายในมาตราที่เกี่ยวข้องด้วย หากคณะรัฐมนตรีมีการฝ่าฝืน ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน ซึ่งเป็นเรื่องข้อกฎหมายแทบทั้งสิ้น ที่ควรเตือนก่อนที่จะเกิดความเสียหายต่อเงินแผ่นดิน
ซึ่งมีวงเงินสูงถึง 5 แสนล้านบาท และหากยังดึงดันทำส่งกฤษฎีกาเข้าครม.ลงมติ แล้วส่งสภาแม้ในสภาจะตีตกในสภาล่างหรือสภาบน ยังไง ครม.ก็ถือว่าได้ร่วมทำผิดไปแล้ว แต่หากยอมจบแค่นี้ก็แค่สารภาพกับประชาชนว่าคิดมาแล้วแต่ทำไม่ได้จริงๆ “นายกฯเศรษฐา”ก็รับผิดชอบถอยออกไป เพื่อไทยยังมีแคนดิเดตนายกฯอีก2คน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews