Home
|
ข่าว

“คนชั้น 14” กลับบ้าน?

ไม่แค่ซีก “ฝ่ายค้าน” ที่เกิดแรงกระเพื่อมจากความเป็นไปของพรรคเก่าแก่ค่ายสีฟ้า “ประชาธิปัตย์” ที่ได้ข้อสรุป “เสี่ยต่อ” “เฉลิมชัย ศรีอ่อน มานั่งหัวหน้าพรรค จนถูกวิจารณ์จะเข้าร่วมรัฐบาลเพื่อไทย เพื่อสร้าง “โมเมมตั้ม” ของ “เพื่อไทย” กับพรรคร่วมรัฐบาลที่มาจากรัฐบาลเก่า จนเกิดอาการ “เลือดไหลออก”ของบรรดานักการเมืองอาวุโส คนเก่าคนแก่ จำนวนมากติดตามมาจนถึงวันนี้ ไม่แต่แค่ “อภิสิทธิ์”อดีตหัวหน้าพรรคที่ประกาศลาออกจากสมาชิกกลางวงประชุมวันที่ 9 ธ.ค.

 

 

 

 

หากแต่เมื่อหันมาทางฝั่งรัฐบาล “นายกเศรษฐา” ที่นอกจากปัญหาการจัดการหน้างานการบริหารให้ประชาชนพอใจกับบรรดาโปรต่างๆ ที่ยังไม่ถึงขนาดเป็นรูปเป็นร่าง โดยเฉพาะ “โปรหลักเรือธง”แจกหมื่นดิจิทัล ที่ค้างเติ่งอยู่ที่กฤษฎีกา หากแต่ “รัฐบาลนิด1” ยังมี “เรื่องใหญ่” ปม “คนชั้น14” รอ ที่จะทำให้ ทั้ง “นายกฯเศรษฐา” และ “รมว.ยุติธรรม” รวมถึงผู้เกี่ยวข้อง “งานเข้า”ได้ตลอดเวลา

 

 

 

อย่างที่วันนี้ (12 ธ.ค.) ทั้ง “เศรษฐา”และ “พ.ต.อ.ทวี” นายกฯ และ รมว.ยุติธรรมต้องออกอ้อมแอ้มในการตอบแบบปัดๆปม การจำคุกนอกเรือนจำของ “ทักษิณ” ว่าไม่ทราบ เป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ และกระทรวงยุติธรรม ไม่ได้เกี่ยวกับตนเอง เมื่อถามว่ามั่นใจในกระบวนการยุติธรรมใช่หรือไม่ “นายกฯนิด” ไม่ได้ตอบคำถาม

 

 

 

ในขณะที่ “พ.ต.อ.ทวี” ที่วันก่อน (6 ธ.ค.) เพิ่งออกตัวไปว่า “ทักษิณ” เป็น “ผู้ต้องขังเด็ดขาด” ที่ไม่ได้อานิสงส์ จาก “ระเบียบราชทันฑ์ตัวใหม่” ที่ออกล้อ กฎกระทรวงยุติธรรม และล้อตาม พรบ.ราชทัณฑ์ 2560 ว่าด้วยเรื่อง การจำคุก นอกเรือนจำ ปรากฏวันนี้ (12 ธ.ค.) นักข่าว ยังคงมาถาม รมว.ยุติธรรม ถึงระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง 2566 ที่มีสาระสำคัญ

 

 

 

เกี่ยวกับสถานที่คุมขังอื่นที่ไม่ใช่เรือนจำ ที่ ถูหวิจารณ์อาจจะเอื้อต่อ “ทักษิณ” ว่า ต้องไปดูในรายละเอียดก่อน ทางกรมราชทัณฑ์มีการประชุมเรื่องนี้มาหลายเดือนแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ทางปลัดกระทรวงยุติธรรมดูแลอยู่ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นปัญหาของเรือนจำ เมื่อนับเรื่องหลักยุติธรรม ที่ กรมราชทัณฑ์ได้รับคะแนนหลักยุติธรรม ต่ำกว่ามาตรฐานเพราะไม่ปฏิบัติตามหลักนิติธรรม หรือกฎหมายราชทัณฑ์ ทำให้คณะกรรมการ สิทธิมนุษยชน ได้ส่งหนังสือมาถึงรัฐบาลสมัยที่ผ่านมา

 

 

 

ซึ่งการปฏิบัติ ทั้งหมดจะไม่ยึดที่ตัวบุคคล แต่อำนาจในการออกกฎกระทรวง ก็จะมีกฎกระทรวงตามมาตรา 89/1ของ ป.วิอาญา เพราะตอนนี้นักโทษที่อยู่ในเรือนจำ คือนักโทษระหว่างไปขังอยู่กับนักโทษเด็ดขาด เป็นการส่อขัดรัฐธรรมนูญ
ในกรณีเรือนจำต้องมีกฎหมายที่ระบุของราชทัณฑ์ไว้ ซึ่งกฎหมายส่วนหนึ่ง ผู้ต้องขังมีสถานที่ควบคุม ทุกคนก็ติดคุกเหมือนเดิม แต่รายละเอียดจะมีคณะกรรมการในการประชุม

 

 

 

ซึ่งจะมีตัวแทนทั้งศาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อน ย้ำว่าหลังจากมีข่าวได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงยุติธรรมเข้าไปดูแล โดยปลัดฯ ยืนยันว่า การดำเนินการไม่มีเรื่องตัวบุคคลเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ดูเรื่องหลักเกณฑ์ เพราะต้องการให้ปฏิบัติตามกฎหมายราชทัณฑ์ ซึ่งมีกฎหมายลูกกว่า 10 ฉบับที่ยังไม่ได้ออก และกฎหมายลูกอื่น ๆ อีก ทั้งหมดนี้ต้องเป็นไปตามกฎหมายที่ออกโดยสภา เมื่อ ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า นายทักษิณจะเข้าเงื่อนไขนี้หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี ก็ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม และเดินขึ้นรถออกจากทำเนียบรัฐบาล

 

 

 

เรียกว่าไม่แต่ นายกฯ หรือ รมว.ยุติธรรม ที่ออกมาขยับแจง ยังมี “อดีตรมว.ยุติธรรม”อย่าง “สมศักดิ์”ก็ต้องออกมาชี้แจงถึงกรณี มีการออกกฎกระทรวงในช่วงปี63 สมัยตนเอง ว่าไม่ได้เป็นการ “ปูทาง”ให้กับ “ทักษิณ”เพราะ กฎหมายมีมาตั้งแต่ปี 2560 และต้องมีอนุบัญญัติในทุกมาตรา

 

 

 

เพื่อประโยชน์การบริหาร ส่วนที่ว่า ทักษิณ จะได้รับประโยชน์ จากระเบียบดังกล่าวหรือไม่ ไม่ทราบ ต้องไปดูรายละเอียด เพราะไม่ได้ติดตาม เมื่อถามต่อไป ผู้ที่จะพิจารณาได้ว่าระเบียบดังกล่าวจะครอบคลุมไปถึง นายทักษิณ ได้เป็นใคร นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของกระทรวงและเจ้าหน้าที่พิจารณา เพราะรายละเอียดตนไม่ได้ดู

 

 

 

ขณะที่ก็มีปฏิกิริยาจากกลุ่มคปท.นำโดย “นายพิชิต ไชยมงคล”ที่ตรวจสอบเรื่องนี้ ซึ่งเตือน “รัฐบาล”อย่าสร้างรอยแผลและเงื่อนไขจากระเบียบดังกล่าวที่เอื้อให้กับ “ทักษิณ”ในการไม่กลับไปที่คุกแต่กลับไปที่บ้าน โดยระบุถ้าครอบครัวทักษิณ
ยื่นย้ายทักษิณ ไปที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เป็นที่ควบคุมผู้ต้องขัง เชื่อว่าบ้านเมืองจะวิกฤติแน่ และจะเป็น “ตราบาป” ของรัฐบาลตราบาปของครอบครัวตัวเอง ที่ก่อนหน้า “อุ๊งอิ๊ง” เคยออกมาระบุเองว่า “ทักษิณ”อยู่ในช่วง “พักฟื้น”เท่ากับว่าสามารถย้ายกลับมารักษาตัวที่ รพ.ของกรมราชทัณฑ์ได้แล้ว

 

 

 

แต่ยังไม่มีการย้ายมา ซึ่งเรื่องนี้คนที่ต้องรับผิดชอบหนีไม่พ้นไปจากนายกฯ รมว.ยุติธรรม และ กรมราชทันฑ์ พร้อมตั้งคำถามพรรคเพื่อไทยว่า จะเอาประเทศให้อยู่ใต้ “ครอบครัวชิน” ใช่หรือไม่ ซึ่ง “อุ๊งอิ๊ง” ในฐานะหัวหน้าพรรคจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ซึ่ง คปท.ยืนยันเดินหน้าตรวจสอบรัฐบาล และร่วมเครือข่ายอื่นๆขับไล่รัฐบาลเศรษฐา หากยังคงยืนยันขยายแผลความขัดแย้งนี้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube