ไม่แต่บรรดา“นักโทษ”คนดังคดีดังที่รับโทษจำคุกทั้งแบบ คดีถึงที่สุด และแบบคดียังไม่ถึงที่สุด อย่าง “เปรมชัย-เสือดำ”ที่ยอมรับโทษจำคุกจนออกมา หรือ “เสี่ยแป้ง-นาโหนด”ที่หลบหนีระหว่างถูกคุมตัวไปที่โรงพยาบาล และใครต่อใคร ที่จะถูก “เปรียบเทียบ”ทันทีกับ “คนชั้น14” ที่อยู่โรงพยาบาลตำรวจมาจะครบ 120 วันในวันที่ 22ธ.ค.ในทุกครั้ง เช่นกันกับ เคสคดีของ “ไอซ์-รักชนก”ส.ส.ก้าวไกล ที่มีนัดตัดสินคดีความผิด ม.112 จากที่ไปทวิต เรื่อง “วัคซีน” ในจังหวะ
วันเปิดสมัยประชุมสภาครั้งที่ 2 ที่ตั้งแต่เช้าเกิดกระแสจนติดเทนต์ทวิตX ชื่อของ “ไอซ์”
ที่หลายฝ่าย ลุ้นว่า พรรคก้าวไกลจะเสียส.ส.ไปอีก1ที่นั่งหรือไม่ เมื่อ“ไอซ์”ที่ถูกศาลมีคำตัดสินมีความผิดตามฟ้อง 2 ข้อกล่าวหาตามม.112 และ พรบ.คอมพิวเตอร์ ให้จำคุก 6 ปีโดยไม่รอลงอาญา และหากไม่ได้รับการประกันตัว ตามที่ “ชัยธวัช”หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยื่นหลักทรัพย์ และ ตำแหน่งไป แม้ ถูกคุมขังแม้เพียง 1 คืน ก็ส่งผลต่อสถานะภาพส.ส.ของ “ไอซ์” ที่ปรากฏในเวลาต่อมาช่วงเย็น ว่า ศาลมีคำสั่ง อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยระหว่างอุทธรณ์วงเงิน
500,000 บาท กำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยกระทำการหรือร่วมกิจกรรมลักษณะเดียวกันกับข้อหาตามคำฟ้องและหรือมีพฤติการณ์ใดๆ ในลักษณะและข้อหาเดียวกัน
เรียกว่าทำให้บรรดาแกนนำก้าวไกล พอโล่งอก หลังจากที่ก่อนหน้ามีลุ้นเพราะ ไม่มีการอนุญาตให้เลื่อนการฟังคำตัดสินในวันนี้ตามที่ “ไอซ์”บอกก่อนเข้าไปฟังคำตัดสิน ว่าก่อนหน้าได้มีการยื่นคำร้องขอเลื่อนฟังคำพิพากษา เนื่องจากวันนี้เป็นวันแรกของการเปิสมัยประชุมสภา แต่ศาลไม่อนุญาต เช่นเดียวกับ “วิโรจน์”ที่แม้จะบอกว่าไม่กังวล แต่ก็ยังออกปากว่ายังคงเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมว่าต้องมีการประกันตัว และอุทธรณ์ต่อไป แต่ตอนนี้ กรณี “ไอซ์”ทำให้ก้าวไกล
เห็นปัญหาที่เกิดขึ้นอีกแล้ว และจำทให้สังคมเห็นถึงความพยายามแก้ไขปัญหาของพรรคก้าวไกล
น่าสนใจ ว่า กรณี “ไอซ์”มาในจังหวะที่ก่อนหน้านี้ มีประเด็น “ระเบียบราชทันฑ์”เวอร์ชั่นใหม่ที่แก้นักโทษล้นคุกด้วยการให้ กลับไปรับโทษที่บ้าน ที่ “รัฐบาลเศรษฐา”กระทรวงยุติธรรม กรมราชทันฑ์ กำลังถูกวิจารณ์ ว่า ออกระเบียบนี้มาในจังหวะนี้ เพื่อ “เอื้อประโยชน์”ให้กับ “คนชั้น14-ทักษิณ”ที่ยังไม่ทันได้ค้างคืนที่เรือนจำ ก็ต้องมาพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจตั้งแต่กลางดึกคืนวันที่ 22ส.ค.จนถึงปัจจุบัน อย่างที่ “จุรินทร์”อดีตหัวหน้าประชาธิปัตย์ ก็ตั้งคำถาม
ไปถึง “นายกฯ”และ “รมว.ยุติธรรม”ว่าปล่อยให้มีการ “ลักไก่”ออกระเบียบให้นักโทษไปติดคุกที่บ้านเพื่อรองรับนักโทษพิเศษได้อย่างไร เรื่องนี้ถ้านายกฯไม่ทำอะไร ก็จะมีคำถามว่ามีนายกไว้ทำไม มีไว้ดูแลประชาชนหรือมีไว้ดูแล “นักโทษเทวดา”
ขณะที่ “ทนายแจม”สส.ก้าวไกล มองว่า กรณี ระเบียบราชทัณฑ์ดังกล่าว สะท้อนวลี ‘ความยุติธรรมในไทยนั้นล่าช้าแต่กับบางคนมาถึงก่อนเสมอ โดยตั้งคำถาม และ ชี้เป้า ว่า วิธีการสรรหา ‘คณะทำงานพิจารณาการคุมขังในสถานที่คุมขัง’จากระเบียบนี้ ว่า เหมาะสมหรือไม่ ที่สัดส่วนคณะทำงานกว่าร้อยละ 80 นั้น เป็นข้าราชการ ขณะที่สัดส่วนจากบุคคลภายนอกก็ยังเป็นบุคคลที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์แต่งตั้ง โดยมีรองอธิบดีนั่งหัวโต๊ะเป็นประธานคณะทำงาน และว่า
ทราบดีถึงปัญหานักโทษล้นเรือนจำ และเห็นเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องเร่งแก้ไข แต่สิ่งที่สังคมตั้งคำถาม คงไม่พ้นเรื่องการจะบังคับใช้อย่างไรให้เกิดความเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะนักโทษคดีการเมือง นักการเมือง นักกิจกรรม ผู้มีอำนาจและคนรวยมีเส้นสาย ก็คงไม่พ้นการถูกจับตามอง เพราะสังคมได้เรียนรู้ว่า กระบวนการยุติธรรมในประเทศเรานั้นยังไม่ผลิดอกออกผลเท่าที่ควร ทำให้ประชาชนที่เป็นญาติผู้ต้องขัง กังวลเรื่องการมีสิทธิ์เข้าถึงระเบียบฉบับนี้ว่า
ต่อให้ผู้ต้องขังจะเป็นนักโทษชั้นดี และเข้าเกณฑ์ระเบียบกรมราชทัณฑ์ แต่หากไม่มีเงินและอำนาจ ก็อาจจะไม่ได้รับการพิจารณาอย่างเท่าเทียมหรือไม่
เช่นเดียวกับ “พิชิต”แกนนำ กลุ่มคปท.ที่เคลื่อนไหวเรียกร้องให้ “คนชั้น14”กลับไปรับโทษที่เรือนจำมาตลอด ที่มองว่าระเบียบราชทันฑ์ ที่ออกมาวันที่ 8 ธ.ค.หากมองในทางการเมืองน่าจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ นช.ทักษิณ โดยตรงเพราะ “ทักษิณ”หมดข้ออ้างที่จะตอบกับสังคมที่ตั้งคำถาม การเข้ารักษาตัว และ พักฟื้นตั้งแต่ 22ส.ค.จะครบ 120วัน วันที่ 22 ธ.ค.การที่ กฎหมายนี้มีมานานตั้งแต่ปี 2560 แต่ยังไม่มีการแอ๊คชั่น แต่มาขยับที่คาดว่า “ทักษิณ”
จะได้รับประโยชน์คนแรก ย่อมทำให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องรวมถึง “นายกฯ”ถูกตั้งคำถาม
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews