ยังคงเป็นประเด็นที่ฝ่ายเกี่ยวข้องในรัฐบาล พยายนามเลี่ยงที่จะตอบคำถาม กับ “ระเบียบให้กลับไปจำคุกที่บ้าน”ที่ออกมาล่าสุดของ กรมราชทัณฑ์ฑ์ ที่หลายฝ่ายวิจารณ์ว่า เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับ “คนชั้น14” หรือ “ทักษิณ” ที่รับโทษมาจะครบ 120 วัน
ในวันที่ 22 ธ.ค.ที่จะถึง อันเข้าเกณฑ์1ใน3 ที่สามารถขออภัยโทษ และ หากครบกึ่งหนึ่ง 22ก.พ.จะเข้าเกณฑ์ขอ “พักโทษ” ออกไปนอกคุกแบบมีเงื่อนไข แต่ก็มีประเด็น “ระเบียบราชทัณฑ์” ที่มีการแก้ไข
ใน พรบ.ราชทัณฑ์
ไว้ตั้งแต่ปี 2560 สมัย “ลุงตู่” และ กฎกระทรวงยุติธรรม ปี 2563สมัย “สมศักดิ์ เทพสุทิน” เป็นรมว. ก่อนจะมีการมาออกระเบียบรองรับการปฏิบัติเมื่อวันที่ 6ธ.ค.66 และมีหนังสือเวียน ให้มีผลบังคับใช้เรือนจำทั่วประเทศ วันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ “คนชั้น14” ที่เข้ารักษาตัวที่รพ.ตำรวจ มาตั้งแต่ 22 ส.ค.66 จะได้อานิสงส์
และแม้ว่าตลอดหลายวันที่ผ่านมา ผู้เกี่ยวข้องทั้ง “เศรษฐา-อุ๊งอิ๊ง” จะพยายามเลี่ยงที่จะตอบถึงระเบียบดังกล่าวว่าเป็นผลดีกับ “ทักษิณ” อย่างไร ท่ามกลางการเคลื่อนไหวของ “กลุ่มคปท.” และ ฝ่ายตรวจสอบอย่าง กรรมาธิการตำรวจที่ เรียก ผอ.โรงพยาบาลตำรวจ ไปชี้แจงอาการป่วยของ “คนชั้น14” ตั้งข้อสงสัย ยังคงรักษาตัวใน รพ.ตำรวจ จริงหรือไม่ โดย”วัชระ เพชรทอง” ข้องใจว่า กลับถึงไทยเข้ารักษาตัว ทั้งที่ก่อนหน้าสุขภาพแข็งแรง และจี้ให้ กมธ.ไปพิสูจน์ที่ชั้น 14 ยังอยู่หรือไม่ รวมถึงเตรียมยื่นร้องต่อประธานศาลฎีกาวินิจฉัยระเบียบราชทัณฑ์ที่ออกมาล่าสุด
ในขณะที่วันนี้ เมื่อสื่อไปเจอ “อุ๊งอิ๊ง” ถือเป็นครั้งแรกที่มีการให้สัมภาษณ์เรื่องนี้เต็มๆ ถึง กระแสวิพากษ์วิจารณ์ ว่าระเบียบผู้ต้องขังนอกเรือนจำ ที่ออกมา “ทักษิณ” อาจจะเข้าข่ายกลุ่มนี้ ว่า ระเบียบที่ออกมา มีมาตั้งแต่ปี 2560 ส่วนตัวคิดว่า กฎนี้ไม่ได้ออกมาเพื่อใคร และยังไม่ทราบว่าบิดาเข้าข่ายหรือไม่ พูดจริงๆ ว่ายังไม่ทราบ แต่ความรู้สึกส่วนตัว
มองว่า “ออกยิ่งเร็วยิ่งดี นี่เป็นความรู้สึกของลูก” ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วใครอยากจะให้เป็นแบบนี้ แต่ในเรื่องอื่นขอให้เป็น ในเรื่องของกระบวนการยุติธรรมของกรมราชทัณฑ์และแพทย์ เพราะว่าเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ “สิ่งที่ทำได้คือ ให้กำลังใจกันเองในครอบครัว เพราะคุณพ่อได้สร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติอย่างมากมาย และขอให้ท่าน มีกำลังใจที่เมื่อออกมาอย่างแข็งแรง และสามารถผลักดันนโยบายต่างๆ ในแง่ของเป็น “ที่ปรึกษา” ทั้งตัวของตนเอง และใครก็ตามที่ยังเคารพรักท่านอยู่ ให้ได้ใช้ความรู้ความสามารถของท่านให้ประเทศชาตินี้ไปอยู่ในจุดที่ดีขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีวันถอยหลัง นี่คือสิ่งที่ตั้งใจและอยากให้มันเป็น”
ขณะที่เมื่อนักข่าวไปถาม “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รองนายกฯซึ่งเคยเป็น รมว.ยุติธรรม ที่ออกกฎกระทรวงรองรับ กับกฎหมายนี้ ว่า ระเบียบนี้จะได้ประโยชน์กับ “ทักษิณ” หรือไม่ กลับบอกปัดว่า ไม่รู้ ไม่ได้ศึกษา เพราะจะต้องทำหน้าที่อื่น ส่วนที่กำกับดูแลกระทรวงยุติธรรมในสมัยรัฐบาลที่แล้วนั้น นายสมศักดิ์ รีบบอกว่า ขอให้สอบถามเรื่องอื่นดีกว่า เพราะเรื่องนี้ผ่านมานานแล้ว และขอให้เกียรติกระทรวงยุติธรรม พร้อมถามสื่อกลับ ว่า ทำไมไม่ถามเรื่องที่ ผมไปตอบกระทู้ที่สภาฯ แทนนายกรัฐมนตรี เรื่องการแต่งตั้งตำรวจ
เรียกว่า นอกจาก ประเด็นนี้ จะกลายเป็นคำถามที่ไม่มีใครในรัฐบาลอยากตอบแล้ว ยังน่าสนใจกับ “สัญญาณ” จาก “อุ๊งอิ๊ง” ที่ออกมาล่าสุด ว่า ในฐานะลูก หากพ่อยิ่งออกมาเร็วยิ่งดี เพราะ พ่อสามารถผลักดันนโยบายต่างๆ ในแง่ของเป็น “ที่ปรึกษา” ทั้งตัวของตนเองและใครก็ตามที่ยังเคารพรักท่านอยู่ ให้ได้ใช้ความรู้ความสามารถของท่านให้ประเทศชาตินี้ไปอยู่ในจุด ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีวันถอยหลัง นี่คือสิ่งที่ตั้งใจและอยากให้มันเป็น ที่อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้ “นายกฯเศรษฐา” ก็เคยแพลมถึงการอยากให้ “ทักษิณ” มาเป็นกุนซือ หรือที่ปรึกษารัฐบาล เพื่อประเทศชาติมาแล้วเช่นกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews