จู่ๆ ก็มีประเด็น กระแสข่าวจะมีการ “เปลี่ยนตัวนายกเศรษฐา” เป็น “อุ๊งอิ๊ง”ที่บางกระแสมีการวิเคราะห์ถึงห้วงเวลาราวเดือน พ.ค. 66 ที่ภาพหลายอย่างชัดเจนขึ้นทั้ง พรบ.งบประมาณ ที่จะมีผลทั้งเรื่องราวของ “คนชั้น14” ที่เมื่อวาน “อุ๊งอิ๊ง” เพิ่งเปรย ในฐานะลูกย่อมอยากให้พ่อออกมาเร็วๆเพราะยังสามารถมาช่วยประเทศชาติโดยอาจเป็นที่ปรึกษาให้ “อุ๊งอิ๊ง” หรืออีกหลายคนที่ยังเคารพในตัว “ทักษิณ”
โดยประเด็น “เปลี่ยนตัวนายกฯ” ถูก ตัดแทรกขึ้นมาเป็นข่าว2-3วันที่ผ่านมา จนวันนี้ (15ธ.ค.) สื่อไปถาม “พิธา” หลังเปิดแถลงข่าวตั้งแท่นทั้งชมทั้งติ 3 เดือน “รัฐบาลเศรษฐา”ที่เจ้าตัวก็ไม่เห็นด้วยที่จะมีการเปลี่ยนตัวนายกฯตอนนี้
ในขณะที่จับอาการ “นายกฯเศรษฐา” ที่กำลังไปเป็น “เซลล์แมน” ขายของที่ “ญี่ปุ่น” ที่มีรายงานว่าจะขอ“ลาพักร้อน” หลังกลับจากญี่ปุ่น 19-22ธ.ค.หลังจากที่ก่อนหน้า นอกจากพยายามเลี่ยงที่จะพูดเรื่องการเมืองหรือ เรื่องราวของ “คนชั้น14” ที่กระแสสังคมโจมตีปม “ระเบียบราชทัณฑ์” ติดคุกที่บ้าน ว่าออกมาเพื่อเอื้อกับ “ทักษิณ”ที่ “นายกฯเศรษฐา” พยายามเลี่ยงตอบคำถามเรื่องนี้ รวมถึงเรื่องการเมือง
โดย บอกทำนอง “การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งเศรษฐกิจ”แต่ก็ออกตัวเล็กน้อยกับกระแสข่าว “ปรับครม.” ที่จะมีข่าว รัฐบาลเพื่อไทย อาจจะหันไปใช้บริการ ผู้คนจากพรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้ “เสี่ยต่อ-เฉลิมชัย” “หัวหน้าพรรคคนใหม่” เพื่อบาลานซ์การเมือง “พรรคร่วมรัฐบาล”
โดยประเด็นนี้ “เศรษฐา” บอกปัดทำนอง ยังไม่จำเป็นเติมเสียงรัฐบาล เท่าที่มี 314 เสียงก็ มีเสถียรภาพกระนั้นหลายฝ่ายก็ยังจับจ้องอาการหงุดหงิด ที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจของ “เศรษฐา” ในการสั่งการต่างๆ ว่าจะเป็น “เหตุผลสำคัญ”ที่ทำให้ แต่ละเรื่องไม่จบไม่เสร็จสักเรื่อง อย่างที่ “พิธา” วิจารณ์ นโยบายเรือธง “ดิจิทัลวอเล็ต” ว่า “คิดไปทำไป”ที่ก็เป็นส่วนหนึ่ง ที่ “พิธา” วิเคราะห์ถึงกระแสข่าวการเปลี่ยนนแปลงการเมืองปีหน้าโดยมีการเปลี่ยนนายกฯจาก “เศรษฐา” เป็น “อุ๊งอิ๊ง” ที่มีหลายฝ่ายวิจารณ์รัฐบาลหาทางลงในหลายเรื่อง ว่า การปรับเปลี่ยนทิศทางน่าจะเหมาะสมกว่าหาทางลง
โดย “พิธา” ยังมองว่า การเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำในตอนนี้ควรให้โอกาสนายกฯได้ทำงานก่อน และที่มีการประเมินว่า “เศรษฐา” ไม่ใช่เป็น “นายกตัวจริง” นั้นเห็นตัวอย่างเรื่องที่นายกฯ ออกข้อสั่งการ ที่ไม่พอใจค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งหากเป็นตน ก็จะไปดูสูตรการคำนวณนอกจากจะสั่งงานว่าเอาเป้าหมายอย่างไร ก็ต้องส่งคนเข้าไปดูว่ากระบวนการเกิดขึ้นอย่างไร
ก็จะไม่มีเซอร์ไพรส์ออกมาในหน้าข่าวหากมีการตามงานภายใน จึงอยากเสนอแนะนายก ว่าไม่สามารถสั่งการลงไปแล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทันที เพราะ การบริหารราชการแผ่นดินไม่เหมือนกับเอกชนที่จะต้องมีกระบวนการในการบริหารงาน และให้คนไปติดตามว่าสิ่งที่สั่งการนั้นเป็นไปได้ทางกฎหมายหรือไม่
ถ้าเป็นไปไม่ได้ก็จะต้องมีการปรับแก้อย่างไร
ขณะที่ “สมคิด เชื้อคง” รองเลขานายกฯ จากเพื่อไทย ก็อธิบายถึงข่าวลือการเปลี่ยนนายกฯเศรษฐาว่าเป็นเพียงกระแสข่าวในพรรคเพื่อไทยยังหนียวแน่น และไม่มีการพูดเรื่องนี้ โดยมองอาจมาจากข่าว “นายกฯเศรษฐา” และ “อุ๊งอิ๊ง”แบ่งบทบาทหน้าที่กันชัดเจนคือ “เศรษฐา” นายกฯบริหารประเทศด้านเศรษฐกิจ ส่วน “อุ๊งอิ๊ง” เพิ่งเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ดูเรื่องการเมืองและวันก่อนเพิ่งกำชับสมาชิกให้เข้าประชุมเพื่อไม่ให้เกิดสภาล่ม
เรียกว่ากระแสข่าว “เปลี่ยนตัวนายกฯเศรษฐา” ในปีหน้านั้นถูกมองจังหวะ ความเรียบร้อยลงตัวในด้านต่าง ๆ ของ “ครอบครัวเพื่อไทย”ในห้วงเดือน พ.ค.67 โดยประเด็นดังกล่าวถูกเชื่อมถึงประเด็น “นายกฯตัวจริง” และ “2นายกฯ” ที่ “เศรษฐา”เคยหลุดปากถามทีเล่นทีจริงกับช่างภาพ ว่าจะถ่ายรูปนายกฯคนไหน ครั้งที่ไปดูหนัง “สัปเหร่อ” กับ “อุ๊งอิ๊ง”
ไม่นับรวมภาพ “นางแบก-นายแบก” ที่เชียร์ “นายกคนที่31” เช่นเดียวกับการจับตา “บทบาท” ของ “อุ๊งอิ๊ง”กับเรื่อง “ยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์” ที่มีแบ็กอัพแน่นกว่าทีม “ดิจิทัลวอลเล็ต” ของนายกฯเศรษฐา และรวมถึงเรื่องราวความชัดเจนในกระบวนการยุติธรรม ของ “คนชั้น14” ล่าสุด.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
