ประเดิมวันแรก สำหรับศึกซักฟอกงบประมาณ67 นอกจากในเนื้อหาที่ “นายกฯเศรษฐา” แถลงต่อสภาจะถูกจับผิด เรื่อง “ตัดแปะ” ไม่มีอะไรใหม่จากของเดิมใน“รัฐบาลลุงตู่” เพียงแค่นำมา “เปลี่ยนปก” ใหม่เป็นงบฯของ “รัฐบาลเศรษฐา” แต่ทำไมทำช้า จนส่งผลกระทบล้าช้ามาหลายเดือน ยังถูก “จับโป๊ะ” ในหลายจุดทั้งการเพิ่มการกู้ จากรัฐบาลเดิมแสนล้าน อย่างที่ “จุรินทร์” จากประชาธิปัตย์ อดีตรมว.พาณิชย์กลับมา “ท็อปฟอร์ม” จัด “ชุดใหญ่” จากสภาฯถึงงบราชทัณฑ์ “คุกทิพย์นักโทษเทวดา” และว่าความล่าช้าการศึกษาและร่างงบ67ทั้งที่ “ลุงตู่” ทำไว้แล้ว ทำให้กลายเป็น “งบฯเป็ดง่อย” และ “ย้อนศร” รัฐบาลเพื่อไทยที่เคยเป็น “ฝ่ายค้าน” เคยโจมตีการทำงบฯของ “รัฐบาลลุงตู่” ที่ไปกู้มาแจกจนเกือบเต็มเพดานวงเงิน ว่าเป็น “นักกู้แห่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา” แต่มาหนนี้รัฐบาลเพื่อไทย กลับมากู้เพื่อมาแจกเสียเองแถมเพิ่มวงเงินกู้ไปอีกแสนล้าน โดยแทนค่า “เศรษฐา” ว่าเป็น “นักกู้ถุงเท้าสีชมพู” (นายก +จุรินทร์)
เรียกว่าการจัดหนักจัดเต็มที่ฟาดไปโดน “นักโทษเทวดา” ของ “จุรินทร์” ถึงขนาดทำให้ “ครูมานิตย์” เพื่อไทยต้องลุกขึ้นประท้วงเป็นครั้งแรกของ “ศึกงบประมาณ67” วันแรก ที่ถือเป็น “ออเดิร์ฟ” เรียกน้ำย่อยก่อนไปสู่ “ศึกซักฟอก” ตามที่หลายฝ่ายคาด อันต่างจากการ “เปิดหัว” ของ “ต๋อม-ชัยธวัช” ที่มามาดนิ่มๆแบบเชือดเฉือนด้วยสารพัดวาทกรรมเช่นกันอันเกี่ยวจำเพาะเรื่องบประมาณ67 ไม่ออกนอกลู่ ไปพาดพิง “คนชั้น14” แม้ที่ผ่านมา “ชัยธวัช” จะเคยออกมาวิจารณ์ทั้งประเด็นการไม่เข้าคุกแม้แต่วันเดียวมา120วัน และ ประเด็น ระเบียบราชทัณฑ์ที่ถูกมองว่าเอื้อประโยชน์ ทำให้การลุกขึ้นเปิดฟอล์ของ “ชัยธวัช” ในฐานะ “ผู้นำฝ่ายค้าน” ครั้งแรกกับเวที “ศึกซักฟอกงบประมาณ” จึงยังไม่ถูก ทีมองครักษ์ เตะสกัดประท้วง เหมือน จุรินทร์ (จุรินทร์+ครูมานิตย์)
กระนั้น ก็น่าสนใจในจังหวะจะโคนตามเนื้อหาของ “ชัยธวัช” ที่แตะไปในระดับ “โครงสร้าง” ของการจัดทำงบประมาณ67 และรวมถึงโครงสร้างฝ่ายอำนาจ ที่เชื่อมโยงระหว่าง “รัฐบาลเก่า” ของ “รัฐบาลลุงตู่” กับ “รัฐบาลใหม่” ของ “นายกฯเศรษฐา” ที่ถูกมองเป็นการแตะมือกันของ “ฝ่ายอนุรักษ์นิยม” อย่างที่ แทนค่ารัฐบาลปัจจุบันที่ประกอบร่างข้ามขั้วระหว่างเพื่อไทยกับกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลเดิมรวมถึงพรรค2ลุง ว่า เป็น “รัฐบาลรวมการเฉพาะกิจ” แบ่งกินแบ่งใช้ เพื่อวาระแก้วิกฤตชนชั้นนำ โดยวิจารณ์ ‘รัฐบาลเพื่อไทย’ คิดใหญ่ทำเป็น กลายพันธ์เป็น คิดไปทำไป และ เศร้าใจ ที่หลังรัฐประหาร 2549 ยุทธศาสตร์จัดสรรงบฯเปลี่ยนแปลงไป ก่อนวิจารณ์ “นายกฯเศรษฐา”ที่แถลงงบประมาณ ว่า นายกฯ คนก่อนก็อ่านแถลงสวยหรูเช่นนี้แต่พอไปดูไส้ใน แผนรายกระทรวงเหมือนเป็นเหล้าใหม่ในขวดเก่า แถมดูรายละเอียดการจัดงบ มีลักษณะเป็น เบี้ยหัวแตก สะเปะสะปะ ไม่มียุทธศาสตร์ ที่ชัดเจน เหมือนทำงานอย่างไม่มีวาระเป้าหมายชัดเจนบางเรื่องหน้าปกอาจจะดูดี แต่พอเข้าไปดูไส้ในแล้ว พบว่าไม่ได้ยึดโยงกับเป้าหมายทางนโยบาย ส่วนใหญ่เป็นโครงการเดิมๆ แต่เอามาเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนปกใหม่แบบมั่วๆ โครงการเก่าๆ เดิมๆ แต่เอามาโยงให้เข้ากับเป้าหมายใหม่แถมนับรวมทุกรายจ่ายแล้วมาเคลมว่าเป็นงบสำหรับการลงทุนใหม่ของรัฐบาลใหม่ (ชัยธวัชทั้งหมด)
โดย “ชัยธวัช” ยังบอกว่าภาพสะท้อนจากพรบ.งบฯคือทำให้เห็น รัฐบาลรวมการเฉพาะกิจเพื่อแบ่งอำนาจแบ่งกันกินแบ่งกันใช้ชั่วคราว ทำให้เห็นการตั้ง ครม.ผิดฝาผิดตัวเต็มไปหมด เพราะไม่ได้แบ่งงานกันตามวาระเป้าหมายแต่แบ่งกันตาม “โควตาทางการเมือง” วางเจ้ากระทรวงไม่ถูกกับงาน พรรคแกนนำรัฐบาลที่ควรจะมีเป้าหมายในการผลักดันเรือธงให้ได้ก็ไม่ได้วางคนไปบริหารกระทรวง กรม หรือหน่วยงานอย่างบูรณาการ ดังนั้น เราจึงเห็นการแถลงนโยบายของรัฐบาล การกำหนดแผนงานรายกระทรวง ตลอดจนการจัดสรรงบประมาณอย่างที่ได้กล่าวมา วันนี้จากที่
เคยบอกว่าคิดใหญ่ทำเป็น บางวันก็กลายเป็นคิดไปทำไป คิดสั้นไม่คิดยาวบ้าง หรือไม่ก็คิดอย่างทำอย่างก็มีและว่าการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้มีวาระร่วมกันจริงๆเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตทางอำนาจของชนชั้นนำ เพราะสภาวะการเข้าสู่อำนาจของรัฐบาลชุดนี้ ได้แสดงออกอย่างโจ่งแจ้งว่า นี่เป็นการรวมตัวกันเพื่อรักษาสภาวะเดิมของสังคมไทยเอาไว้ พยายามฝืนความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย รวมตัวเพื่อปกป้องพลังทางสังคมแบบจารีต ต่อต้านพลังทางสังคมใหม่ๆที่ต้องการอนาคตที่ดีกว่านี้
และว่า หลังการรัฐประหารในปี 2549 เป็นต้นมา รัฐราชการและชนชั้นนำจารีตได้กลับมาควบคุมสังคมไทยอีกครั้ง เราจึงไม่เห็นเจตจำนงและความพยายามของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ในการปฏิรูปรัฐไทยอย่างจริงจังอีกครั้งเพราะพลังทางการเมืองที่เคยเป็นพลังใหม่ เคยเป็นพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง ปัจจุบันกลับเข้าไปร่วมสมาคมเป็นส่วนหนึ่งของอำนาจเก่าแล้ว ซึ่งร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ที่เรากำลังพิจารณาอยู่ก็สะท้อนสภาวะการเมืองที่เป็นจริงนี้ ในฐานะฝ่ายค้านอยากสื่อสารไปยังรัฐบาลว่าเราไม่สามารถอยู่กันแบบเดิมๆ ได้อีกแล้ว รัฐบาลก็ทราบดีว่าหลังรัฐประหาร 2 ครั้งระบบรัฐราชการรวมศูนย์ของไทยกลับมาเติบโตขึ้นอีกครั้ง เรารู้อยู่แล้วว่าเราจะเดินไปสู่อนาคตที่ดีกว่านี้โดยพยายามไม่ปฏิรูปรัฐไทยอย่างจริงจังและงบประมาณไม่ได้อีกแล้ว เพราะไม่ตอบโจทย์ของสังคมและความคาดหวังของคนไทย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews