ไม่แต่ปมร้อน“ไฟเขียวทิพย์”ติดเบรค ปฏิบัติการกู้ ผ่านพรบ.กู้เงิน5แสนล้านบาท มาใช้ในโครงการแจกเงินดิจิทัลวอเล็ต1หมื่นบาทที่มี “สัญญาน” จาก เลขาธิการกฤษฎีกา ว่า ไม่ได้บอกว่าไฟเขียว อย่างที่ รมช.คลัง“จุลพันธ์” ว่าไว้ ที่ทำท่าว่าจะทำให้ “โครงการเรือธง” ของ “นายกฯเศรษฐา” ต้องสุ่มเสี่ยงที่จะไปไม่ถึ่งฝั่งฝันให้ประชาชนได้ใช้เงินหมื่นในเดือนพฤษภาคมปีนี้ หลังจากเคยเลื่อนมาจากเดือน ก.พ.ที่เคยรับปากไว้แล้วหนหนึ่งที่ “สัญญานไม่มีไฟเขียว”จาก “กฤษฎีกา”แต่ให้อยู่ในกรอบกฎหมายวินัยการเงินการคลัง ม.53,ม.57 กลายเป็นให้ย้อนกลับไปที่ “คำถามตั้งต้น”กับนิยาม“วิกฤติ”หรือ “ไม่วิกฤติ”จำเป็นเร่งด่วน หรือไม่ ที่ต้อง ออกพรบ.กู้เงินเพื่อมาแจกกระตุ้นเศรษฐกิจ
หากแต่ยังมีปม “คนชั้น14”ที่ยังกลับมาตามหลอน “นายกเศรษฐา”ในจังหวะแทรกซ้อนคู่ขนานทางการเมืองแบบที่ว่า แม้จะถูกมองว่ามี “ความเงียบ”หรือ “เงื้อง้าไม่เต็มแข้ง”ผิดวิสัย “ฝ่ายค้าน”อย่าง พรรคก้าวไกล และพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคลื่อนขยับผ่านกรรมาธิการตำรวจ เตรียมบุกไปดูงานวันที่12ม.ค.แต่ได้รับคำตอบอนุญาตให้ดูแค่ชั้น6 ไม่ถึง ชั้น14 ที่โรงพยาบาลตำรวจ วันนี้(10ม.ค.) อย่างที่ “นิพิษฎ์”ทวงถามเมื่อวาน ให้2พรรคฝ่าค้านหลัก ออกมาช่วย ภาคประชาชน กลุ่มคปท.เคลื่อนไหวเรื่องนี้ หลังจากที่เริ่มมี สว.ออกมาขยับที่จะหยิบนำไปเป็นประเด็น “เปิดศึกซักฟอก”โดยไม่ลงมติ ตาม ม.153
โดยวันนี้ คปท.และเครือข่ายมีการ ประกาศ ชุมนุมค้างคืน หน้าทำเนียบ 12-14 ม.ค.เพื่อกระเพื่อมสังคมปม’ทักษิณ‘ โดยเตือน ข้าราชการ ระวังตกเป็นเครื่องมือนักการเมือง และติดคุก เหมือนคดีรับจำนำข้าว โดยมีกลุ่ม ศปปส. เข้าร่วมด้วย ที่ยังมีการเรียกร้องให้ นำตัว “ทักษิณ” ไปรับโทษคดี ม.112 จากการให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ เมื่อปี 58 โดย “พิชิต”แกนนำ คปท. บอกว่า ที่ชุมนุมค้างคืน เพื่อแสดงจุดยืน และส่งสัญญาณไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องที่อนุญาตให้ “ทักษิณ” ไม่ได้ถูกคุมขังในเรือนจำ ตั้งแต่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าทำการรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ตำรวจเป็นเวลา 139 วัน ซึ่งเกินจากที่ระเบียบกรทราชทัณฑ์กำหนดใน 120 วัน ที่จะต้องใช้ความเห็นของแพทย์ในการรักษาตัวต่อ นอกจากนี้ คปท. จะเดินทางไปที่ ปปช. เพื่อหารือกับเลขาธิการ ป.ป.ช.ให้มีการไต่สวนเจ้าหน้าที่ และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว
เรียกว่ากลายเป็นว่า 2 ประเด็น ทั้ง ปมทักษิณ และ ปมนโยบายเรือธง กู้มาแตกดิจิทัลวอเล็ต นอกจากยังคงเป็นประเด็นที่ถูกจับตาแรงกระเพื่อมจากสังคม ม็อบที่เริ่มมีการชิมลาง ลงถนนแล้ว ยังถูกมองการกระเพือมทางการเมืองที่จะมีผลต่อไป ในลักษณะเทียบเคียง ทั้งการทำงาน และ ความขัดแย้ง ระหว่าง “ฝ่ายการเมือง” “ฝ่ายข้าราชการประจำ”อย่างที่ คปท.พยายาม บิ๊วให้ ข้าราชการ ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม ต่อกรณี “คนชั้น14”ให้ระวัง ถูกทิ้งให้ต้องติดคุกเหมือนข้าราชการใน คดีจำนำข้าวที่นักการเมืองไม่รับผิดชอบผลกระทบ ในขณะที่ประเด็นร่าง พรบ.กู้5แสนล้าน ถูกมองผ่านร่องรอยความเห็นที่ไม่ตรงกัน ระหว่าง “นายกฯนิด”กับข้าราชการที่เกี่ยวข้องทั้งจาก แบงค์ชาติ สภาพัฒน์ และ กฤษฎีกา ที่เคยทักรัฐบาลมาก่อนหน้านี้ อย่างที่ปรากฏในสัปดาห์นี้ กับคำตอบว่าไม่ได้มีไฟเขียว จากเลขากฤษฎีกา และ จากภาพการพบพูดคุยระหว่าง “นายกฯนิด”กับ “ผู้ว่าแบงค์ชาติ”เพื่อพูดคุยประเด็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในวันนี้ ที่ทั้งหมดกำลังถูกมัดรวมชิมรางจากเวที “ศึกซักฟอกรัฐบาล”ใน2ประเด็นนี้ ของ “สว.”ที่ว่ากันว่าตอนนี้ล่าชื่อได้60-70คน เกือบจำครบ 1ใน3เพื่อยื่นในสัปดาห์หน้าแล้ว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews