ประชุมสภาวันนี้ เกิดอาการ “ร้อนใน-เดือดนอก” ขึ้นมาพลันที่ “ต๋อม-ชัยธวัช” ผู้นำฝ่ายค้าน หัวหน้าพรรคก้าวไกลที่ระยะหลัง “ลูกพรรค” อย่าง “วิโรจน์” เพิ่งบ่นเบื่อๆ ท้อๆ ในจังหวะที่พรรคฝ่ายค้านถูก “นิพิษฎ์” และ “กลุ่ม คปท.”กระซุ่น
ถามพร้อมกันว่า ก้าวไกล และ ประชาธิปัตย์ ควรเลิกเงียบจากจำศีล ออกมาช่วยภาคประชาชนเคลื่อนไหวประเด็น“คนชั้น14” ที่กระทบกระบวนการยุติธรรม โดย หะแรก “หัวหน้าต๋อม” ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา เพื่อถาม “นายกเศรษฐา” ถึงเรื่องคำถามประชามติ เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2560 โดยไม่แตะหมวด 1 และ หมวด 2 และประเด็นการคุกคามทางการเมือง แต่เมื่อได้จังหวะ พูดถึงเรื่องการคุกคามทางเมืองในรัฐบาลชุดนี้กับนักเคลื่อนไหว “หัวหน้าต๋อม”กลับไปแห รังแตน เมื่อเฉียดไปหา “คนชั้น14” ว่านอกจากภัยคุกคามนี้แล้ว ซ้ำร้ายความรู้สึกถึงกระบวนการยุติธรรม
แบบ 2 มาตรฐาน ยังรุนแรงมากขึ้น จากกรณีที่เรารู้กันดี มีบุคคลที่ได้รับอภิสิทธิ์ในการรักษาตัวนอกเรือนจำ บนชั้น 14ของรพ.ตำรวจ เทียบเคียงกับนักโทษอื่นๆ แล้ว จะทราบว่ายากมากที่เราจะได้รับการรักษาพยาบาลอย่างเหมาะสมหลายกรณีต้องอาการหนักจริงๆ” ที่การไปแหย่รังแตน ของ “หัวหน้าต๋อม” ทำให้ มีส.ส.เพื่อไทยประท้วงจนทำให้ “นายวิโรจน์-ก้าวไกล” ได้จังหวะ ปล่อยพลังแก้เครียด ประท้วง ส.ส.เพื่อไทย แถมเลี้ยวไปหา “คนชั้น14” ว่า “ทำไมชั้น 14 มันแตะไม่ได้หรือไง
ตนจะเอาข้าวผัดกับโอเลี้ยงไปฝาก” ที่ส่งผลให้ส.ส.เพื่อไทยลุกขึ้นสวนว่า “เลอะเทอะ” เกิดการโต้เถียงกันจน “ประธานวันนอร์” ต้อง “ตัดบท” ให้ “รองนายกฯภูมิธรรม” ขึ้นมาชี้แจงแทนนายกฯ ที่ก็มาท่วงทำนองเหมือนขอร้องคนกันเองให้เพลามือ เรียกว่า นอกจากที่ประเด็น “คนชั้น14” ที่ร้อนๆ อยู่แล้ว จากทั้งจาก โรงพยาบาลตำรวจไปถึงกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม และ ทำเนียบฯ และลามลงถนนจากทั้ง2ม็อบคนละสี ที่นัดกันมาชุมนุมก่อนวันเด็กทั้ง “ม็อบกลุ่มคปท.”
ที่จะไปที่ทำเนียบเพื่อเรียกร้องให้นำ “คนชั้น14” กลับเรือนจำ และ ม็อบเสื้อแดงสายเพื่อไทย
ที่จะไปที่หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ราชประสงค์ เพื่อให้กำลังใจ “คนชั้น14” วันนี้ยังมาที่สภานายกฯเจอการตั้งกระทู้ถามสด ที่ยังไม่นับรวมว่าประเด็นนี้เป็นหนึ่งใน2ประเด็นไฮไลท์ที่ “สภาสูง” “สว.250” จ่อ “มัดรวม” กับเคส “พรบ.กู้มาแจกดิจิทัล” ร่วมกับ7ปมปัญหาการ บริหารงานของ “รัฐบาลเศรษฐา” @ โดยประเด็นพรบ.กู้5แสนล้าน เพิ่งเจอกฤษฎีกาย้อนศร กลับมาว่าไม่ได้ไฟเขียวแต่ให้ไปดูว่าไม่ควรขัดวินัยการเงินการเงินการคลังตามกฎหมายมาตรา 53 ที่ระบุว่าต้องเร่งด่วนจำเป็นในการจะขอกู้เงิน และต้องมีวิกฤติหากจะออกเป็นพรก.หรือพรบ. ที่มีตัวอย่างมาแล้วจากการกู้ฉุกเฉินในสถานการณ์โควิดของรัฐบาลลุงตู่
อย่างที่ “ไหม สิริกัญญา-ก้าวไกล” แม้จะผิดหวังที่กฤษฎีกากั๊กไม่ฟันธงให้รัฐบาล แต่ก็ทิ้งทุ่นไว้ว่าคงต้องลุ้นแทนรัฐบาลว่าจะดันร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน ผ่านทันหรือไม่ และรัฐบาล คงต้องหา “วิกฤตใหม่” มาเป็นเหตุผลในการกู้เงินสำเร็จ ซึ่งฝ่ายค้านยังยืนยันที่โหวตคว่ำกม.นี้ โดยบอกว่าได้ถามหน่วยงานต่างๆ ที่มาชี้แจงกมธ.งบฯ ว่า วิกฤตเศรษฐกิจต้องหน้าตาเป็นอย่างไรมีตัวชี้วัดอย่างไร
แต่ละหน่วยงานก็ตอบคำถามกันทุกหน่วยงาน ยกเว้นสำนักงบประมาณ ซึ่งวิกฤตมีทั้ง วิกฤตทางด้านการเงินที่มีเอ็นพีแอลสูง คนแห่ไปถอนเงิน วิกฤตภายนอกจากต่างประเทศ เช่น ปัญหาการส่งออก นำเข้า การขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ทำให้ค่าเงินบาทอ่อน หรือวิกฤตทางด้านแรงงาน คนตกงานจำนวนมาก วิกฤตการคลังคือเงินคงคลังลดต่ำ เหลือน้อย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews