ไม่ว่าจะเป็น “สัญญาน” คล้ายกัน ที่ถูกส่งผ่าน “ข้อสรุป” จาก ที่ประชุม กนง.วันนี้ (7 ก.พ.) แม้เป็น มติไม่เอกฉันท์แต่ก็ยังคงดอกเบี้ยที่ 2.5 ที่ “สวนทาง” กับความต้องการของรัฐบาล หลังเมื่อวาน (6 ก.พ.) ผู้คนในรัฐบาลโดยเฉพาะ “นายกฯเศรษฐา” ขอผ่านอากาศ ให้ กนง.พิจารณา “ลดดอกเบี้ยนโยบาย” เนื่องจากสภาพสัญญานเศรษฐกิจส่อจะวิกฤติและอาจบานไปแบบ “วิกฤติต้มยำกุ้ง” อย่างที่ “รองนายกฯอ้วน” ว่า
โดยเฉพาะรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ ที่ระบุ “เงินเฟ้อติดลบ” ที่ก็เช่นเดียวกับ “สัญญาน”จาก ที่ประชุมคณะกรรมการ ปปช. ที่ออกมาวันเดียวกัน ในท่วงทำนอง รับรองรายงานของ “คณะทำงานศึกษา “ดิจิทัลวอลเล็ต” ที่มี “สุภา ปิยะจิตติ “อดีตกรรมการปปช.เป็นประธาน ซึ่งมีเนื้อหาข้อเสนอแนะ 8 ข้อ เหมือนเปิด “ไฟแดง” โครงการนี้ เพียงมีการปรับ “ถ้อยคำ” ลดโทนลงมาบ้างแต่หลักใหญ่ใจความยังขอให้มีความชัดเจน ว่าช่วยเศรษฐกิจยังไงไม่เอื้อกับนายทุนและเตือนระวังการกู้มาแจกจะขัดต่อกฎหมาย
โดย ที่ประชุม ปปช. มีมติเห็นชอบ 8 ข้อเสนอแนะตามที่คณะทำงานศึกษาและทำเป็นรายงานออกมาเพื่อส่งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่มีการปรับลดโทนความแรงของเนื้อหาลงใน 3 ประเด็นคือ ยืนยันว่า ปปช.มีอำนาจตามม. 32 พ.ร.บ.ประกอบ รธน.ว่าด้วย ปปช. ที่มีหน้าที่และอำนาจเสนอมาตรการ ความเห็นและข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี รัฐสภา ศาล องค์กรอิสระ หรือองค์กรอัยการ ไม่ถือว่าเป็นการก้าวก่ายนโยบายรัฐบาล 2. ปรับเนื้อหาเรื่องวิกฤติเศรษฐกิจ ไม่มีการฟันธงว่า เกิดวิกฤติเศรษฐกิจหรือไม่ 3. ตัดถ้อยคำที่ว่าโครงการนี้ เป็นการหาเสียงที่ “อาจเข้าลักษณะเป็นสัญญาว่าจะให้” ออก
เรียกว่าเป็น “2สัญญาน” ที่ออกมาเห็นแตกต่างจาก “รัฐบาลเศรษฐา” คณะกรรมการเงินดิจิทัลซึ่งรอผลจาก ปปช. หลังรัฐบาล ยังคาราคาซัง กับโครงการ “เรือธง”ที่เลื่อนมาแล้วหลายรอบและกำลังโยงเข้าเป็นปัญหาการบริหารราชการแผ่นดิน ของ “นายกเศรษฐา”อันถือเป็น 1 ใน 2 ประเด็นไฮไลท์ร่วมกับประเด็นกระบวนการยุติธรรมกับ “คนชั้น14-ทักษิณ” ที่อยู่ใน 7 ประเด็น “ซักฟอก” ที่ “สว.250” ตั้งแท่น อภิปรายรัฐบาล ตาม รธน.ม.153
ที่ก็เช่นเดียวกับ “สัญญาน”ที่ส่งผ่านกรณี”คนชั้น14-ทักษิณ”ล่าสุดเมื่อวาน(6ก.พ.)ที่หลายฝ่ายวิเคราะห์ปรากฎการณ์ “การเชื่อมต่อกัน” ระหว่างการจะถึงเวลาตามกำหนดการได้รับการ “พักโทษ” 18 หรือ 22 ก.พ. ของ “ทักษิณ”ตามที่มีรายงานว่า “ทักษิณ”มีชื่อจะได้รับการ “พักโทษ”กับ “ปมคดี ม.112” และ “พรบ.คอม” ที่ยัง ค้างอยู่ที่ชั้นอัยการ จากความเห็น “ควรสั่งฟ้อง”ของ “อัยการสูงสุด” และตำรวจปอท.มีการออกหมายจับและเคยมีการขออายัดตัวกับกรมราชทัณฑ์ตั้งแต่การกลับมา 22ส.ค.66 แล้ว และวันที่ 17ม.ค.67 ที่ผ่านมา “คณะพนักงานสอบสวน บก.ปอท.”พนักงานอัยการ ได้เข้าไปแจ้ง ข้อกล่าวหาแก่ “ทักษิณ”ที่ รพ.ตำรวจ โดย “ทักษิณ”ให้การปฏิเสธ และมีการหากยื่นขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด
หาก “ทักษิณ” ได้รับการพักโทษ หรือพ้นโทษ 22ก.พ. จะถูก “อายัดตัว” โดยราชทัณฑ์ต้องแจ้งให้พนง.สอบสวนทราบล่วงหน้า 7 วันก่อนปล่อยตัวเพื่อให้ไปรับมาดำเนินคดี 112 จากนั้นจะพิจารณาเรื่องให้ประกันตัว หรือจะไปดำเนินการขั้นตอนการฝากขังครั้งแรก และเมื่อพนักงานสอบสวนพิจารณาหรือรับตัวมาแล้วจะมีหนังสือแจ้ง “อัยการสูงสุด” เมื่ออัยการได้รับขั้นตอนจากพนักงานสอบสวนมาแล้ว หน้าที่ของอัยการจากนั้นต้องมาพิจารณา เอกสารการร้องขอความเป็นธรรมและพิจารณาสำนวนคดี
เรียกว่า “สัญญาน” ที่จะมีการ “อายัด” จับกุมตัว “ทักษิณ” ในคดี ม.112 หลังพ้นโทษจาก ชั้น14รพ.ตำรวจ ไม่แต่จะถูก “ตั้งข้อสังเกต”จังหวะจะโคนการอายัดตัวในคดี ม.112ที่ล้อไปกับไทม์มิ่งใกล้จะครบกำหนดเงื่อนไขการพักโทษที่ ยังคงมีครหาการยังไม่มีการรับโทษแม้ซักวันเดียวโดยอ้างอาการป่วยต้องนอน “ชั้น14″มาตั้งแต่คืนวันที่ 22ส.ค.66 อย่างที่ คปท.ออกมาชุมนุมล่าสุด กดดันไปที่บรรดาข้าราชการที่เกี่ยวข้องในกระบวนการ ให้ตรวจสอบอาการป่วยของ “ทักษิณ” ล่าสุด ที่สามารถปฏิเสธข้อหาและขอความเป็นธรรมดำเนินการ
อีกมุมหนึ่งมีการมองควบรวมถึง “สัญญาน” จาก “ฝ่ายอนุรักษ์นิยม” ที่ส่งผ่าน “ข้าราชการ”ออกมาจาก 2 ปมข้างต้นที่สวนทาง “รัฐบาลเพื่อไทย” เช่นเดียวกับท่าที 250สว.ว่า คดี ม.112จะเป็น อีกหนึ่งใน “กับดักล็อก” ทักษิณ หรือเป็น บันไดหนีไฟจากชั้น14 จาก “วงล้อม” การตรวจสอบในขณะอีกมุมมองกันไปถึงอาการ “หัวอกเดียวกัน” ระหว่างเพื่อไทย-ก้าวไกล จากประเด็น112จะทำให้เกิดการกลับมา “จับตัว” ทำอะไรร่วมกันอย่างที่ถูกจับตาผ่าน ร่างกฎหมาย พรบ.นิรโทษกรรม ที่ร่างของก้าวไกล มีเนื้อหาบางส่วนเกี่ยวไปถึง ประเด็นจาก ม.112 ด้วยหรือไม่.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews