แม้ว่าอดีตนายกรัฐมนตรี “ทักษิณ ชินวัตร” จะถูกยกย่องให้เป็น “คนเก่ง” และ “เก๋า” จนถูกจับตาว่าจะเข้ามาเป็น “กุนซือ” ให้กับรัฐบาลเพื่อไทย ร่วมคิด ร่วมสร้างนโยบายเศรษฐกิจ หลังจากได้รับการปล่อยตัวออกจากโรงพยาบาลตำรวจตามหลักเกณฑ์ของกรมราชทัณฑ์ กลับสู่ฐานที่มั่น “บ้านจันทร์ส่องหล้า”
และล่าสุด “นิด้าโพล” เผยผลสำรวจของประชาชน ยกให้ อดีตนายกฯทักษิณ เป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลทางการเมือง ด้วยคะแนนเสียงมากเป็นอันดับ 1
แต่อย่างไรก็ตาม เส้นทางการเป็น “กุนซือ” ให้กับรัฐบาลเศรษฐา ในฐานะที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ดูจะไม่ค่อยราบรื่นไหลปื๊ดสักเท่าไร ซึ่งเรื่องนี้ “ศ.ดร.พรายพล คุ้มทรัพย์” นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์วิเคราะห์ไว้อย่างน่าสนใจ โดย “ศ.ดร.พรายพล” บอกกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ในช่วงที่อดีตนายกรัฐมนตรี “ทักษิณ ชินวัตร” อยู่ในช่วงของการพักโทษ เชื่อว่าคงไม่กล้าที่จะออกมาทำอะไรที่ออกหน้าออกตามากจนเกิดไปนัก แม้ว่าจะมีกองเชียร์ของพรรคเพื่อไทยคอยสนับสนุนอยู่จำนวนมาก เพราะอย่างลืมว่า อดีตนายกฯทักษิณก็มีศัตรูมากด้วยเดียวเช่นกัน
“แกก็อาจจะอยู่เบื้องหลังมากกว่ามั้ง แกคงไม่กล้าออกหน้าออกตาอะไรมากมายนักหลอก ผมเข้าใจว่าอย่างนั้นนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงพักโทษ คงทำอะไรไม่ได้มาก หลังจากนั้นก็อาจจะต้องเจียมเนื้อเจียมตัวพอสมควร คงไม่กล้าที่จะมาทำอะไรที่ออกหน้าออกตามากจนเกิดไปนัก คือถ้าออกหน้าออกตามากก็อาจจะสร้างกระแสเหมือนกันนะ คือผลดีก็อาจจะมีในแง่ของพรรคเพื่อไทย เพราะว่ามีคนสนับสนุนคุณทักษิณก็เยอะในจำนวนพรรคเพื่อไทย
แต่อย่าลืมว่าคุณทักษิณก็มีฝ่ายค้านและมีศัตรูไม่น้อย ก็อาจจะสร้างความขัดแย้งขึ้นมาอีกรอบนึง ก็อาจจะไม่เป็นผลดีทั้งในด้านการเมืองและทางด้านเศรษฐกิจก็ได้ ในความเห็นของผมนะ ผมคิดว่า เพื่อไม่ให้สร้างความขัดแย้งขึ้นมาใหม่ เพราะว่าอย่างที่เราทราบกันดี ตัวคุณทักษิณเองก็เป็นคนที่นำความขัดแย้งเข้ามาในสังคมมากพอสมควร ศัตรูมีอยู่ทั่วไป และก็เป็นจำนวนไม่น้อย และก็หลายฝ่ายก็ยังมีน้ำหนักและมีอิทธิพลอยู่พอสมควรในสังคมไทย”
และเมื่อถามถึงมุมมองต่อโครงการแจกเงินหมื่น ดิจิทัลวอลเล็ต ของพรรคเพื่อไทยที่ในวันนี้ ทางรัฐบาลเศรษฐาได้ตั้งอนุกรรมการศึกษาข้อเสนอแนะและความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกา-ป.ป.ช. ก่อนที่จะฟันธงกันอีกครั้ง โดย “ศ.ดร.พรายพล” กล่าวว่า ถ้าโครงการนี้ ไม่ได้ไปต่อ ย่อมส่งผลต่อคะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทย เพราะเป็นโครงการที่สัญญาไว้กับประชาชนในช่วงของการหาเสียงเลือกตั้ง แต่อย่างไรก็ตาม การกระตุ้นเศรษฐกิจยังสามารถทำได้ โดยที่ไม่ต้องกู้เงินมากถึง 5 แสนล้านบาท ด้วยการใช้เกลี่ยเงินงบประมาณมาใช้ได้
“ก็แน่นอนถ้าไม่สามารถดำเนินการได้มันก็เป็นผลเสียในแง่ของคะแนนเสียงความนิยมทางการเมือง เพราะว่าสัญญากันไว้แล้ว ก็และก็ถือเป็นแฟลชชิปที่สำคัญอันนึง แต่ผมคิดว่า ถึงจะไม่ได้เป็นดิจิทัล วอลเล็ต แต่ว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับที่อาจใช้เงินน้อยลงไป มันก็น่าจะช่วยได้นะ ก็ไม่รู้ว่าเขาจะเลือกทำหรือเปล่า มันก็ใช้เงินได้น้อยกว่านั้นได้ อาจจะสักแสนล้าน แทนที่จะเป็น 5 แสนล้าน คือ แสน สองแสนล้าน กระตุ้นได้เยอะแล้ว
โดยอาจไม่ต้องใช้วิธีกู้เงินด้วยซ้ำไป อาจจะเกลี่ยเงินจากงบประมาณ ซึ่งก็ล่าช้ามาอยู่แล้ว เอามาใช้ในส่วนของการกระตุ้นเศรษฐกิจในลักษณะที่คล้ายๆกับดิจิทัล วอลเล็ต แต่ว่าจำนวนเงินอาจจะน้อยลงไป ก็ทำได้ ว่าตามจริง ถ้าอยากจะทำนะ และทวีความเป็นไปได้มากกว่าดิจิทัล วอลเล็ต เพราะดิจิทัล วอลเล็ต 1.จะต้องไปออกพระราชบัญญัติกู้เงินถูกไหม แล้วจะต้องไปสอดคล้องกับกฎหมายเกี่ยวข้องกับวินัยการเงินการคลัง ว่ามีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน เป็นวิกฤติหรือเปล่า ก็เป็นประเด็นในที่สุด”
ขณะที่นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป มองว่า การจัดตั้งอนุกรรมการเพื่อพิจารณาข้อเสนอแนะของกฤษฎีกา และ ป.ป.ช. เกี่ยวกับดิจิทัล วอลเล็ต คาดจะใช้เวลาศึกษาราว 30 วัน สะท้อนถึงความยืดเยื้อในการดำเนินการ ทั้งนี้หากโครงการออกมาจริง อาจไม่ทันไตรมาส 2 ดังนั้นจึงอาจเข้ามามีบทบาทต่อภาคการจับจ่ายใช้สอยในไตรมาส 3 หรือ 4 ดังนั้นมองจีดีพีในปีนี้ช่วงครึ่งปีแรก อาจเป็นไปในรูปแบบฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยมีเครื่องยนต์หลักคือ ภาคการท่องเที่ยว
จากนี้ต่อไปจะต้องจับตาการขยับขับเคลื่อนท่าทีของอดีตนายกรัฐมนตรี “ทักษิณ ชินวัตร” อย่างใกล้ชิด เพราะชื่อนี้แน่นอนว่าย่อมมีอิทธิพลต่อการเมืองไทย รวมถึงทางด้านเศรษฐกิจอยู่มากนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews