ภาพรัวๆจากหมายงานที่อัดแน่น ล่าสุด ของ “ทักษิณ” ตั้งแต่การเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช ช่วงบ่ายเมื่อวาน(13มี.ค.)จนถึงการไปสักการะศาลหลักเมือง ตาม “ฤกษ์พิเศษ” เช้ามืดวันนี้ 05.19น. ก่อนขึ้นเครื่องที่ดอนเมืองปิ๊กบ้านเกิดที่จ.เชียงใหม่ ท่ามกลางผู้คนบิ๊ก ๆ ทางการเมือง ข้าราชการผู้ใหญ่ รวมถึงชาวบ้านและคนเสื้อแดง มาต้อนรับ ถือว่า ยังสร้างกระเพื่อมไปทุกขั้วข้าง ทั้ง ฝ่ายอนุรักษ์นิยมเก่า-ใหม่ และ ฝ่ายประชาธิปไตย
ที่ทั้ง “จับตา” “จับผิด” ทุกมูฟเม้นท์ ไม่แต่แค่ภาพ “ผู้กองนัส” หรือ “บิ๊กโจ๊ก” หากแต่ภาพ “นายกฯ3-4คน” ที่มีคิวไปรวมกันที่เชียงใหม่แถวๆวันที่ 15 มี.ค.ไล่ตั้งแต่ “นายกฯเศรษฐา”, “พิธา” ที่เคยถูกเรียก “นายกฯทิพย์”, “ทักษิณ” อดีตนายกฯ หรือ “อุ๊งอิ๊งค์” ว่าที่นายกฯหญิงคนที่2 ไม่นับรวม “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” อดีตนายกฯ น้องเขย ที่มารับ “ทักษิณ” วันนี้
โดยที่แนว “จับผิด” จาก ฝ่ายอนุรักษ์ ที่เป็น “โจทก์เก่า” กับ “ทักษิณ” ทั้งสว.หรือ กลุ่มเคลื่อนไหว คปท.พุ่งเป้าไปที่ “อาการป่วยวิกฤติ” ที่เป็น “เหตุผล” ในการไปอยู่ “ชั้น14รพ.ตำรวจ” กระทั่งมาสู่การได้รับการ “พักโทษ” กับภาพที่ “ทักษิณ” ลืมใส่ปลอกพยุงคอ เมื่อวาน(13มี.ค.) ในการไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช ที่วัดราชบพิศ ในขณะที่วันนี้เพิ่งมาใส่ ที่ว่ากันว่าเรื่องนี้ ยังไม่เป็นประเด็นมาบดขยี้ร่วมกับอีกหลายประเด็นรวมถึงคดีสุดท้ายกรณี ม.112 ที่ค้างอยู่ในชั้นสั่งฟ้องของอัยการที่มีกำหนด10เม.ย.67 จนกว่าจะเกิดการ “เบี้ยวดีลการเมือง”
ที่ทั้งหมด จะเป็นไปในแนวทางอันสัมพันธ์กับ “โอกาส” ที่จะมีการพบกันของ “ทักษิณ” กับ “นายกฯเศรษฐา” อีกครั้ง ในวันที่15มี.ค.ที่เชียงใหม่ หลังเคย “เปิดหน้า” นั่งรถประจำตำแหน่งนายกฯ ไปพบ “ทักษิณ” และพูดคุย 2 ชม.ที่ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” มาแล้ว แม้อีกด้านจะถูกมองการ “ปิ๊กบ้าน” เชียงใหม่
เพื่อกอบกู้ “ฐานที่มั่น” ของเพื่อไทย ที่พ่ายศึกเลือกตั้งให้ก้าวไกลปี66 โดยการเรียกความเชื่อมั่นในศึกเลือกตั้งท้องถิ่น อบจ.ปลายปี หรือต้นปีหน้า ที่มีข่าว “บ้านใหญ่” หลายจังหวัดจะไปลงผ่านก้าวไกล
โดยประเด็น “การจับตา” การพบกันของ “นายกฯเศรษฐา” กับ “อดีตนายกฯทักษิณ” รอบนี้ ถูกวิเคราะห์เกี่ยวข้องไปถึง “ดีลการเมือง” ที่ทำให้ “ทักษิณ” ได้กลับมาไทย(22ส.ค.66) โดยไม่ต้องเข้าเรือนจำกระทั่งได้รับการพักโทษกลับบ้านจันทร์ส่องหล้าและมาปิ๊กบ้านเชียงใหม่ เพื่อไหว้บรรพบุรุษ แถมเพื่อไทยยังได้นำตั้งรัฐบาลโดยมี “เศรษฐา” เป็นนายกฯ จากการ “พลิกขั้ว” ทิ้งก้าวไกลมาอยู่กับ “2ลุง”
ที่ทั้งหมดถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ “มีราคาที่ต้องจ่าย” เช่นกัน ยิ่งมีเรื่อง “ยิ่งลักษณ์” ที่ต้องการกลับตาม “โมเดลทักษิณ” ที่ประเด็นเหล่านี้ “ตู่-จตุพร” จากคณะหลอมรวม ให้จับตาหลังจากฉาก “ทักษิณinเชียงใหม่” จะเกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในรัฐบาลตาม “ดีลการเมือง” หรือไม่ โดยหากเป็นไปตามดีล อาจเกิดการเปลี่ยนนายกฯจากเศรษฐา และมีการปรับครม.
โดย “ตู่-จตุพร” มองว่าไทม์ไลน์การเปลี่ยนแปลงการเมืองซึ่งเป็นราคาที่ต้องจ่ายจะสัมพันธ์กับการหมดวาระของ วุฒิสภา 11 พ.ค.67 ที่ทำให้ ทุกอย่าง ต้องจบก่อน โดยมองว่า ก่อนสงกรานต์ คงได้เห็นว่า ในส่วน “ดีล” ในสิ่งที่ต้องเสีย ในทางการข่าว ถ้ายังยืนอยู่เหมือนเดิม สำหรับ “เศรษฐา” ยังไงก็ต้องไปก่อนสงกรานต์ แต่โครงสร้างของรัฐบาล ยังเหมือนเดิม
แต่ตัว “นายกฯ”จะมีการเปลี่ยน รวมถึงการปรับครม.ใหม่ ทั้งหมดอยู่ที่ว่าจะรักษาดีลหรือไม่ ยิ่งมี “ปัจจัยสำคัญ”คือการเดินทางกลับของ “ยิ่งลักษณ์” ถ้าไม่ใช่โอกาสนี้ ในการกลับปล่อยให้ สถานการณ์การเมือง มีปัญหาขึ้นมาใหม่ การกลับประเทศไทยก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ต่อไป จึงถือเป็น “ช่วงรอยต่อ” ทั้งใน “ส่วนที่ได้” และ “ส่วนที่เสีย” โดย การกลับมาของ “ยิ่งลักษณ์” จะกลับมาในวันที่ “นายกฯ” ไม่ใช่ชื่อ “เศรษฐา”
เหมือนตอน “ทักษิณ” กลับมาในช่วงรัฐบาล ส่วนนายกฯอาจมาจาก พรรคร่วมรัฐบาล พรรคใดพรรคหนึ่งในสถานการณ์แรก ยกเว้นมีสถานการณ์พิเศษ
ก็จะมาอีกสถานการณ์หนึ่ง และเช่นกันหากออกมาในทาง “เบี้ยวดีล” ทั้ง “ทักษิณ” และ “เศรษฐา” รวมถึง “ยิ่งลักษณ์” และผู้เกี่ยวข้องย่อมได้รับผลกระทบที่รุนแรงจากฝ่ายที่คุมดีลเช่นกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews