มาตามนัด แบบโนสนโนแคร์ หน้าอินทร์หน้าพรหมณ์ “ฝ่ายการเมือง” ใดใครจะทัก ใครจะขู่ จะไปร้องยุบพรรค เข้าข่าย ครอบงำหรือไม่ กับฉากใหญ่ “นายใหญ่-ทักษิณ” ที่ “นายหัวชวน” ขอกรีดเป็นสิทธิ์ที่ “เจ้าของพรรค” เข้า “พรรคเพื่อไทย” ในรอบ 17 ปี ด้วยอาการภาษากาย สดชื่น ไม่มีปลอกคอ ไม่มีผ้าคล้องแขน ไม่วี่แวว “นักโทษป่วย” ที่ได้รับสิทธิ์ลดโทษ และพักโทษ
ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่นเนืองแน่นจากทั้ง คนเสื้อแดง และเหล่าบรรดาสมาชิกพรรค ที่เรียกคืนความทรงจำบรรยากาศเก่าๆกลับมากับเสียงตะโกนอื้ออึ้ง “เรารักทักษิณ” ประหนึ่งให้ได้เห็นฉาก “ผู้มีบารมี” พยายามแสดงตนกลับเข้าสู่ “กระดานอำนาจการเมือง” แบบเต็มตัว แม้ไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งแห่งหนแต่เป็นที่ “เข้าใจกันได้” จากทุกฝ่ายว่า ถนนทุกสายทางการเมือง ไม่แต่แค่ “เบอร์1 ฝ่ายบริหาร” อย่าง “นายกฯเศรษฐา” ที่เคยไปเข้าพบแบบเปิดเผยถึง 2 รอบ หรือ “ฝ่ายนิติบัญญัติ”
หรือแม้กระทั่ง ผู้คน องค์กร พรรคการเมือง ในซีกข้าง “ฝ่ายอำนาจเก่า” มิพักต้องพูดถึง “เบอร์1” หัวหน้าพรรคเพื่อไทยอย่าง “อุ๊งอิ๊งค์” ผู้เป็น “บุตรสาว” ที่ บอกว่า พาคุณพ่อไปดูออฟฟิศของตน ที่กำลังปรับปรุงโดยย้ายมาทำงานที่ห้องทำงานเดิมของ “ทักษิณ” ที่ยังมีพระพุทธรูปตั้งแต่สมัยทักษิณเป็น “หัวหน้าพรรคไทยรักไทย” ภายในตึกOAI หรือ “โอ๊ค-เอม-อิ๊งค์”
ซึ่งเป็นของครอบครัวตั้งแต่30ปีกอน ที่ปัจจุบันเป็นที่ทำการของพรรคเพื่อไทยโดย “ทักษิณ” นอกจากเดินชมที่ทำการพรรคไหว้พระเก่าแก่ที่เคยอยู่ในห้องทำงาน ยังมีการทักทายกับบรรดาส.ส.ใหม่และส.ส.เก่า ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ แต่พยายามเลี่ยงที่จะพูดแถลงสัมภาษณ์สื่อใดๆ แม้ว่า “อุ๊งอิ๊งค์” จะบอกว่า คุณพ่อยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค แต่น่าจะรับบทเป็น “ที่ปรึกษา” ให้กับตนเอง และ ทุกคนรวมถึงบรรดารัฐมนตรี ของพรรค และอาจมีโอกาสไปพบประชาชนหลายพื้นที่ หลังจากนี้
เรียกว่า การเคลื่อนตัวของ “ทักษิณ” ถูกวิเคราะห์จากหลายฝ่ายว่ามีนัยยะทางการเมืองในการส่งสัญญานไปถึงฝ่ายต่างๆทางการเมือง ไม่แต่ ผู้คนระดับนำใน “ฝ่ายอนุรักษ์นิยมเดิม” ที่รวม “ดีลกลับบ้าน” กับ “ทักษิณ” ที่ต้องแลกกับการเป็น “ศูนย์หน้า” ในการสู้กับ “พรรคเด็กก้าวไกล” หรือ ผู้คนในฝ่ายก้าวหน้า ที่ก็เคยมีการไปดีลฮ่องกงกับ “ทักษิณ” โดย “สัญญาน” ที่ปรากฏนำมาสู่การตีความ “คู่ขนาน” กับอาการของ “รัฐบาลเศรษฐา” ระหว่าง และหลัง “ศึกซักฟอก” จาก “สว.” ที่เป้าตำบลกระสุนตก กลับไปลงที่ “ผู้กองนัส”
ในขณะเป็นเริ่มการจัดการกับโจทย์นโยบายเรือธง “ดิจิทัลวอเล็ต” ที่บังเอิญไปลงเอยสรุปในวันเดียวกันกับวันที่จะมีการสั่งฟ้องคดี ม.112 ของ “ทักษิณ” คือวันที่10 เม.ย.ที่คดีนี้ถูกประเมินว่าจะมีการ “ล็อคปีก” ไม่ให้ “ทักษิณ” บินหรือเป็นประกันการ “เบี้ยวดีล”
อย่างที่ “ตู่-จตุพร” โพสFB ประเมิน ว่า ให้จับตา กับ ปรากฎการณ์แปลกทางการเมือง โดยเฉพาะความบังเอิญกับการ เกิดความเคลื่อนไหว แบบมีการ “ส่งสัญญาณ” กันถี่ยิบ ตั้งแต่ข่าว 30 สส.อีสานเพื่อไทยไปพบ “บิ๊กป้อม” ที่สนามกอล์ฟก่อนวันพิจารณางบประมาณวาระ2-3 ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วน “ทักษิณ” มีภาพเริงร่าไปตัดผมที่สีลม(24มี.ค.)
รวมถึงการเดินทางมาที่พรรคเพื่อไทยวันนี้(26มี.ค.) ขณะที่ มีการออกมาแถลงของ “จุลพันธ์” เมื่อวาน(25มี.ค.)หลังมีการอภิปรายของสว. จะมีการเคาะโครงการเรือธง ดิจิทัลวอเล็ต ที่ไปตรงกับ วัน นัดฟังฟ้อง ม.112 หรือไม่ ในวันที่10 เม.ย. โดย “ตู่-จตุพร” เชื่อว่า หลังสงกรานต์ จะมี คำตอบดีลการเมือง ว่าจะเป็นไปตามข้อตกลงหรือมีการเบี้ยวดีลการเมืองกันหรือไม่
ดังนั้น จึงรอดูสถานการณ์จะคลี่คลายอย่างไรกับการนัดทั้งสองกรณีที่บังเอิญมาอยู่ในวันเดียวกัน ราวกับเป็นการวัดพลังกันดังนั้น ใครจะลงมือกันก่อน หรือจะเกิดการยื้อดีลกันอีกรอบรวมถึง ยังต้องพิจารณาอำนาจของ สว.ที่หมดวาระในวันที่ 11 พ.ค. และระหว่างรอ สว.มาทำหน้าที่นั้น สว.ชุดเก่าจะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ครบตามปกติหรือไม่โดยเฉพาะการร่วมโหวตเลือกนายกฯ ด้วย
ซึ่งสิ่งนี้คงมีการยื่นไปยังศาล รธน.ต้องวินิจฉัย ถ้ายังมีการเบี้ยวดีลกันแล้ว สว.จึงมีเวลาประหัตประหารรัฐบาลไปอีกอย่างน้อย 6 เดือนจนกว่า สว.ชุดใหม่จะมาทำหน้าที่ และว่า ถ้าดีลจะถูกการเบี้ยวนั้นคู่ที่ทำการดีลยังมีหลายแนวทางปฏิบัติกันอย่างทันด่วน ยิ่ง “นายกเศรษฐา” พูดถึงการแต่งตั้งผู้กำกับในพรรคเพื่อไทยถ้า ปปช. ชี้มูลว่า เป็นความผิดแล้ว ย่อมถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน่้าที่นายกฯ ตั้งแต่ขั้นตอนของ ปปช.ด้วยรวมถึงเรื่องราวเมื่อครั้งทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ชอบกฎหมายจะพรั่งพรูออกมายิ่งขึ้น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews