Home
|
ข่าว

เมียวดีพม่าแตก-เศรษฐารนศึก

 

 

ยังไม่ทันเคลียร์ 2 ปมร้อน ดิจิทัลวอเล็ต และคดี112 ทักษิณผู้นำจิตวิญญานเพื่อไทยอย่างที่ “เศรษฐา”ว่า ที่ต้องจบพร้อมกันในวันที่ 10เม.ย. ก่อนที่ “ทักษิณ” ที่วันนี้อุ๊งอิ๊ง โพสต์ภาพตาเล่นน้ำกับหลานอย่างมีความสุข จะปิ๊กบ้านเชียงใหม่เที่ยวสงกรานต์อย่างสบายใจในท่ามกลางข่าวการปรับครม.ที่อาจมีการดึงพรรคฝ่ายค้านอย่างประชาธิปัตย์(ปชป.)เข้าร่วมพลันก็มีประเด็นหลักแทรก สถานการณ์สงครามในประเทศเพื่อนบ้านจากการบุกโจมตี และยึดฐานปฏิบัติการทหารพม่าในเมืองเมียวดี โดยกลุ่มกองกำลังกะเหรี่ยงสามฝ่าย

 

เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบกับประเทศไทย เมื่อมีข่าวรัฐบาลเมียนมาประสานมายังรัฐบาลไทยขอนำเครื่องบินทหารเมียนมา ATR 72-600 ลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอด จ.ตาก เพื่อขอที่ลี้ภัยให้กับข้าราชการ ได้แก่ ตำรวจ ตม.เมียนมา เจ้าหน้าที่ทำงานในศาลากลางและส่วนราชการอื่น ๆ แต่คืนที่ผ่านมา เครื่องบิน ATR 72-600 Myanmar Airlines ได้ลงจอดท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอดแล้ว นานกว่า 1 ชั่วโมง แต่นายทหารเมียนมาไม่มาจึงบินกลับไปประเทศเมียนมา โดยเหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีการชี้แจงใดใดจากรัฐบาลไทยในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการรับมือ และการแสดงท่าทีของรัฐบาล ที่เพิ่งมาตอบในช่วงสายวันนี้

 

อย่างที่ พิธา-ก้าวไกล ตั้งคำถามว่า ประชาชนกำลังรอคำตอบจากรัฐบาลอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นที่สนามบินจังหวัดตาก ประเด็นสำคัญรัฐบาลไทยต้องตอบให้ได้ว่า
นี่คือการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจริงหรือไม่ มีรายละเอียดอย่างไร ถ้าเป็นการช่วยเคลื่อนย้ายทรัพยากร เงินตรา อาวุธ ฯลฯ ก็อาจจะถูกตีความว่าช่วยเหลือรัฐบาลทหารเมียนมาร์ โดยเฉพาะในพื้นที่มีความกังวลจากหลายเมียวดีจะถูกโจมตีแบบปูพรมตามหลังก่อให้เกิดวิกฤติมนุษยธรรม มีผู้ลี้ภัยสงครามมากกว่าเดิมอีก

ดังนั้น การให้ความช่วยเหลือของรัฐบาลไทยครั้งนี้ ต้องระวังว่าอาจจะอ้างเรื่องมนุษยธรรมเป็นด่านแรก แต่ต่อจะกลายเป็นการสนับสนุนรัฐบาลทหารเมียนมาร์ ให้เกิดวิกฤติผู้ลี้ภัยมากกว่าเดิมหรือไม่ และว่า ไม่มีใครรู้รายละเอียดดีกว่ารัฐบาลไทย ที่ต้องออกมาชี้แจงรายละเอียดให้โปร่งใสโดยเร็ว

 

ขณะที่รัฐบาลมีการออกมาตอบของรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ และนายกรัฐมนตรีในช่วงสายวันนี้ โดย นายกเศรษฐา ยืนยันเมียนมาขออนุญาตถูกต้อง นำเครื่องลงจอดแม่สอด แค่ขนย้ายพลเรือนไม่ได้ขนอาวุธกำลังพล ย้ำไทยให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชน ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน และการเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ทำเนียบรัฐบาลในวันพรุ่งนี้ (9 เม.ย.) นั้น เรื่องนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งส่วนเรื่องใหญ่ที่เรียกประชุมคือเรื่องภายในเมียนมา จึงเชิญนายปานปรีย์ รองนายกและรมว.ต่างประเทศ,รัฐมนตรีช่วยว่าการ, ผู้บัญชาการทหารสูงสุด.,ผู้บัญชาการทหารบก.เพื่อกำหนดทิศทางให้ไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนหากมีการทะลักเข้ามาของเมียนมาแผนรองรับของเราคืออะไรนั้น นายกบอกว่าขณะนี้ยังไม่มีการทะลักเข้ามาและที่ได้รับรายงานที่เข้ามาแล้วก็ยังไม่มีปัญหาอะไร ยืนยันรัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิมนุษยชนให้ความสำคัญกับเรื่องความสงบ และความปลอดภัยประชาชน

 

ด้านนายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศโพสต์ชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวว่า “เรื่องเครื่องบินเมียนมาที่เป็นข่าวได้ตรวจสอบแล้ว
พบว่าเป็นเรื่องการขอนำเครื่องบินพลเรือนมาลงเพื่อขนสิ่งของพลเรือนไม่ได้มีการขนกำลังทหารหรืออาวุธ หรือการขอลี้ภัยตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
เป็นเรื่องคำขอทางการทูตเพื่อนำเครื่องบินพลเรือน มาขนย้ายสิ่งของทางการทูต ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ”

 

ขณะที่ “นางพรพิมล กาญจนลักษณ์” อดีตที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการต่างประเทศและผู้แทนพิเศษของ รมต.กต.ด้านเมียนมา สมัย “นายดอน” โพสต์FB ยันเมียวดียังไม่แตกกองทัพเมียนมาเพลี่ยงพล้ำจริง แต่ยังมีทหารอยู่ที่เมียวดีอยู่อีก 1 กองพล ทว่าการสู้รบซึ่งมีต่อเนื่องมาหลายเดือน พื้นที่ที่จะเข้าถึงเมียวดีจากทางตะวันตกก็เป็นภูเขา จึงยากต่อการลำเลียงกำลังและอาวุธเข้าไปเพิ่มในบริเวณเมียวดี และชนกลุ่มน้อย BGF (กองกำลังพิทักษ์ชายแดน)

 

ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นกองคุ้มกันให้กองทัพเมียนมา บัดนี้ได้เปลี่ยนใจไปร่วมกับ KNU (สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง) แล้วก็เป็นการยากที่กองทัพจะกลับมามีชัยได้อีก ส่วนการตอบโต้นั้นไม่ยากแต่การจะเอาเครื่องบินมาทิ้งระเบิดกองกำลัง KNU ก็เสี่ยงกับการที่ทั้งระเบิดและเครื่องบินจะล้ำเขามาในฝั่งไทย ซึ่งรัฐบาลเมียนมาไม่ต้องการให้เกิด ครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้นฝ่ายไทยก็ได้แจ้งเป็นทางการไปว่าไม่ต้องการให้เกิดขึ้นอีก

 

ดังนั้นทางที่เหลืออยู่คือการเจรจาระหว่างกองทัพเมียนมากับกลุ่ม KNU ซึ่งผลเสียกับประเทศไทยจะมากกว่าผลเสียของเมียนมา เพราะนอกจากจะมีปัญหาเรื่องความมั่นคงที่ชายเเดนแล้ว การค้าขายที่ใช้เส้นทางจากจังหวัดตากผ่านเมียวดี ก็จะลำบากขึ้น เพราะต้องเจรจากับ KNU


ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube