กลายเป็นว่า “ไหม” – “ศิริกัญญา-ก้าวไกล” ถูกมองว่า “เก็งข้อสอบถูก” ในช่วงซักฟอกธีม “รัฐบาลเพื่อใคร-หัวใจไม่ใช่เพื่อประชาชน” ที่ผ่านมา ในประเด็น “แหล่งเงิน” ที่ “รัฐบาลเศรษฐา”
ที่อยู่ในอาการ “เลือดเข้าตา” กับการต้องทำยังไงก็ได้ให้ “นโยบายเรือธง-ดิจิทัลวอเล็ต” ที่หาเสียงไว้ ต้องถูกเข็นออกมาแจก “ประชาชน” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่“กำลังจะวิกฤติ” ให้ได้ ในแบบที่ต้องไม่มีใครในรัฐบาลแม้แต่ “นายกฯเศรษฐา” ซ้ำรอย “อดีตนายกฯปู” ต้องติดคุกเพราะถูกจ้องตรวจสอบจาก โครงข่าย “ฝ่ายอนุรักษนิยม” ที่ยังรามือไว้ไมตรีอยู่บ้างกับหลายประเด็น “ส่วนตัว” เพราะ“ดีลกลับบ้าน” ของ “นช.ทักษิณ” ในการกลับมาเป็น “ศูนยหน้า” ”ฝ่ายอนุรักษนิยมใหม่” สู้กับ “พรรคเด็ก-ก้าวไกล”ที่ยิ่งนับวันยิ่งเติบโตทางการเมืองอย่างรวดเร็ว
โดยหันนั้น “ไหม” อภิปรายเก็งข้อสอบไว้ ว่า รัฐบาลจะใช้วิธีพิสดาร ดันดิจิทัลวอเล็ตออกมาให้ได้ จากที่ แค่ถามว่าจะแจกเงินกี่โมง เปลี่ยนไป-เลื่อนมา แบบ พายเรือในอ่างกลายเป็น “ออกทะเล” ด้วยการใช้วิธี 1.งบกลางปี 67 ออกพรบ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเพิ่มเติม (งบกลางปี) โดยการกู้ชดเชยขาดดุลจนเต็มเพดานอีก 1 แสนล้านบาทและอาจโอนเปลี่ยนแปลงงบกลางอีก 4 หมื่นล้าน
2.แบ่งจากงบปี 68 เพิ่มงบปี 68 เพิ่มเป็น 3.75 ล้านล้านบาทกู้ชดเชยขาดดุล 865,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 150,000 ล้านบาท และ 3. กู้ ธกส. ให้ ธกส.ดำเนินนโยบายแทน ตาม ม.28 เพื่อแจกเงินดิจิทัลให้ครัวเรือนภาคเกษตรกร 210,000 ล้านบาท
ที่ก็ปรากฏว่าวันนี้ (10เม.ย.) ในช่วงการแถลงของ “นายกฯเศรษฐา” รมช.คลัง “จุลพันธ์” และปลัดคลัง “ลวรณ แสงสนิท”นอกจากแสดงความยินดีกับประชาชนที่จะได้ใช้เงินแน่ในไตรมาส4 แต่ไม่บอกว่าวันไหนกี่โมง ปลัดคลัง ยังฉายถึงที่มา“แหล่งเงิน” 5แสนล้านจาก3แหล่ง ที่ผ่านกระบวนการงบประมาณปี67และ68 ที่ดูจะสอดคล้องคีงเป๊ะกับที่ “ไหม”เก็งข้อสอบ ว่าจะมา “ทรงนี้” ที่เป็นการใช้ทริกเทคนิคการจัดการงบเพื่อให้ถูกกฎหมายที่อาจส่งผลกระทบให้เกิดความเสียหายโมเมนตั้มทางเศรษฐกิจหรือพายุหมุนที่รัฐบาลอยากให้เกิดขึ้นก็จะไม่เกิด เพราะคนไม่มีความเชื่อมั่นและก็ยังไม่รู้ว่าโครงการนี้จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่
เรียกว่าในทางการเมืองของรัฐบาลจาก “นโยบายเรือธง” วันนี้ แม้จะดู พอประวิงเวลาไปได้อีกถึงไตรมาส4หลังเดือนตุลาคม2567 หากแต่อีกปมหนึ่ง ที่ถูกจับตาผลเช่นกัน คือการสั่งฟ้องคดี112 ของ “ทักษิณ” ผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทยวันนี้ (10เม.ย.) ที่ปรากฏว่ามีการเลื่อนออกไปปลายเดือนพ.ค.67 ตามที่หลายฝ่ายคาด โดยประเมินการเลื่อนเชื่อมโยงถึงความไม่เรียบร้อยลงตัวบางประการอันเกี่ยวข้องกับ “ดีลกลับบ้าน” และปรากฏการณ์ “ทักษิณ” เลี้ยงหลาน ยกดัมเบลฟองน้ำในสระน้ำที่ต่อมากลายเป็น “ดราม่า” ถูกวิจารณ์ทั้งการแสดงภาษากายถึง “ความมั่นใจ” บางอย่าง รวมถึงประเด็น “อาการป่วย”ที่เป็นเหตุผลการ “ลดและพักโทษ” กันอีกรอบ จน “อุ๊งอิ๊งค์” หัวหน้าเพื่อไทย บุตรสาว ต้องออกมาเมื่อวาน (9เม.ย.)แจงทำนอง “ขอโทษถ้าเห็นแล้วไม่พอใจ”
อย่างที่ “ตู่-จตุพร” จาก “คณะหลอมรวม” ที่เคยวิเคราะห์ ถึง “ดีลกลับบ้าน” ว่าจะมีความเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ปรากฏวันที่10เม.ย. ไลฟ์ในFBเมื่อวาน (9เม.ย.) ว่า ไม่รู้คนโพสต์ต้องการสื่อสารอะไร หรือต้องการยั่วยุอารมณ์ประชาชนให้ร้อนขึ้นแต่ถ้าต้องการเช่นนั้นจริง อัยการสูงสุดนัดฟังคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องคดี ม.112 วันที่ 10 เม.ย. ควรยกฟ้องไปเลยจะได้สะใจและได้เหลิงลมกันเต็มที่ ถ้าไม่ฟ้องคดี ม.112 เมื่อคนจะไม่พอใจ แล้วออกมาสู่ถนน จนนำไปสู่แอ่นแอ๊น ซึ่งเป็นการออกแบบสถานการณ์ที่ง่าย แต่วินาทีนี้จะเกิดความเสียหายมากมายกับประเทศ ดังนั้น ประชาชนจึงไม่ควรผลีผลามต้องคอยดูและ ประเมินสถานการณ์กันที่ละตอนนับแต่ 10 เม.ย.ไป.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews