หมด “โปรหยุดยาว” เทศสงกรานต์ ผู้คนเดินทางกลับมาทำงานรวมถึง “ผู้คนในรัฐบาล” ตั้งแต่ นายกฯ ยัน รัฐมนตรีหลายสิบรายที่วันหยุดสงกรานต์ปีนี้ไม่ได้ไปเที่ยวไหนต้องวิ่งขึ้นลงหัวหิน-เชียงใหม่ เพื่อพบอวยพร “2นายกฯ” อย่าง “เศรษฐา-ทักษิณ” ที่คนหนึ่งวันถัดมาก็เข้าไปรดน้ำอวยพร “ทักษิณ” ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า
ส่วนอีกคนหนึ่งประกาศและส่งสัญญานใน 2-3 วาระการเมือง ให้คอการเมืองหูผึ่งทั้งเรื่อง 1.”การปรับครม.” ที่พูดทีเล่นทีจริงกับรัฐมนตรีกว่าสิบคนที่ชักแถวอวยพร 2.ความตั้งใจจะ”นายกฯปู-ยิ่งลักษณ์” น้องสาวกลับไทยราวเดือนตุลาคม67
เพื่อได้มาร่วมงานสงกรานต์ปีหน้าด้วยกัน และ 3.การประกาศกับประชาชนว่าอีกไม่นานทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิม เป็นหน้าที่ที่อดีตนายกฯคนหนึ่งที่ยังรักบ้านเมืองเป็นห่วงบ้านเมืองก็ต้องมาช่วยกัน อยากจะขอให้พี่น้องประชาชนมีกำลังใจ
ในการกล่าวอวยพรสงกรานต์ที่เชียงใหม่ (15 เม.ย.)
อันต่างจาก “พิธา-ก้าวไกล” ที่แม้ เทศกาลกรานต์ จะถูกมองว่า ส.ส.หนุ่มสาวของพรรคก้าวไกลดูจะชิง “พื้นที่ข่าว” และพื้นที่สื่อ ทั้งสื่อหลักโซเชียลได้มากกว่าใครแม้กระทั่ง “รัฐบาล” ที่ชูธีม “สงกรานต์ซอฟต์พาวเวอร์” ที่ “แม่งาน” อย่าง “อุ๊งอิ๊งค์” ไม่อยู่เคลมผลงาน
โดยให้ “นายกฯนิด” เคลมแทน ว่า สงกรานต์นี้ประสบความสำเร็จนักท่องเที่ยวมาเยอะกว่าหลายปีที่ผ่านมาถึงกว่า100% กวาดเม็ดเงินเข้าไทยมหาศาลแม้กระทั่งเทียบ “พิธา” กับ “ทักษิณ” ที่พิธา ลงไปเล่นน้ำกับชาวบ้านทางภาคเหนือและ อีสานท่ามกลางความสนใจจากผู้คน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่เยาวชนในขณะที่ “ทักษิณ” แม้ไปเวทีใหญ่แต่ “วัยรุ่น” ก็แค่หันมองและขอชักภาพไปให้พ่อแม่ที่บ้าน
โดย “พิธา” นั้นถือจังหวะ “บอกลา” ให้ชาวบ้านเสียดายว่าอาจเป็น “สงกรานต์ครั้งสุดท้าย” ในฐานะ “ส.ส.” ที่จะได้มาเจอประชาชน เพราะจากนี้ชีวิตการเมืองจะเข้าสู่ช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มจากคดียุบพรรคก้าวไกลที่อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ที่อาจนำไปสู่การตัดสิทธิ์ตนในการเป็นส.ส.โดยเชื่อว่าคำวินิจฉัยจะออกมาไม่เกิน 1 เดือนต่อจากนี้แม้ล่าสุดวันนี้ (17 เม.ย.) ศาลจะขยายเวลาให้ก้าวไกลชี้แจงออกไปอีก 15 วัน
แต่ “พิธา” ก็เหมือนปลงในที แต่ก็ยังมี “ทิ้งปริศนาธรรม” บางอย่างไว้อย่างที่ไปพูดกับรายการของเดลินิวส์ ว่า “อยากชนะด้วยฝีมือของพวกผมเองด้วยหลักการของพวกผมเองไม่ได้อยากชนะ เพราะได้อานิสงส์จากเรื่องอะไรมันเป็นชัยชนะที่ไม่ได้น่าภาคภูมิใจ…ไม่รู้สึกทุรนทุรายอะไรเพราะมันเกิดขึ้นหลังจากผมได้พิสูจน์ตัวเองทุกอย่างจนสิ้นกระแสสงสัยแล้วผมไม่มีอะไรติดค้างใจแล้ว ตนพาพรรคที่อายุ 3 ปีชนะการเลือกตั้งได้แล้วและเป็นการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ แม้แต่พรรคคู่แข่งเองก็ยอมรับว่าไม่มีการซื้อเสียงและเป็นการเลือกตั้งครั้งที่มีประชาชนตื่นเต้นมาใช้สิทธิ์สูงที่สุดเป็นประวัติศาสตร์กว่า 76 %บางจังหวัดถึง 80 กว่า % เท่านี้ผมก็ภาคภูมิใจมากแล้ว ก็เลยพร้อมที่จะเดินจากไปอย่างผู้ชนะ ดีกว่าต้องทำสัญญากับซาตาน…”
น่าสนใจว่า “สงกรานต์67” ปีนี้ ที่ “พิธา” บอกว่าจะอาจเป็นครั้งสุดท้ายทางการเมืองหรือไม่ด้านหนึ่งก็ถูกมองไปถึง “ตัวละครนำการเมือง” ทั้ง “นายกฯเศรษฐา” และ “นช.ทักษิณ”ที่ถูกมองเช่นกันว่า ในจังหวะการ “ดุลสภาพอำนาจ 3 เส้า” ระหว่าง “ฝ่ายอนุรักษ์นิยม-ฝ่ายประชาธิปไตยและ อนุรักษ์นิยมใหม่” ระหว่าง “ดีลกลับบ้าน” ยังคงทำงานนั้นปรากฏ “สัญญานเร่งเครื่อง” ของ “ทักษิณ” นับตั้งแต่ลงมาจาก “ชั้น14” อย่างต่อเนื่อง
โดยไม่สนใจท่าที “ฝ่ายอนุรักษ์นิยม” กับการบอก “ไม่ชอบก็ต่างคนต่างอยู่” จนมาถึงการแสดงบทบาท “ศูนย์กลางอำนาจ” ตั้งแต่ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ถึงที่ประชุมใหญ่เพื่อไทยและ “สงกรานต์เชียงใหม่” ที่ปรากฏ 3 วาระ ปรับครม.,นายกฯปูกลับบ้านและ ศรษฐกิจจะกลับมาเหมือนสมัยไทยรักไทยนั้น ถูกมองจาก “ทุกขั้วสีขัดแย้งเดิม” อย่างเป็นห่วงสถานการณ์การเมือง
หลังการกลับมา “ติดปีก” ของ “ทักษิณ” เดือนสิงหาคมจะไหลไปสู่ “วงจรการเมือง” ในอดีตที่ลงเอยด้วยการเข้ามารัฐประหารยึดอำนาจ อย่างที่ “เทพไท เสนพงษ์” ไลฟ์FB ทำนอง “ระบอบทักษิณ จับมือกลุ่มอนุรักษ์นิยม ทำมวลชนคนเสื้อแดง เสื้อเหลือง อกกลัดหนอง”
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
