Home
|
ข่าว

สงครามปะทุ คนไทยเที่ยวตปท.พุ่ง

 

 

 

 

 

ความตึงเครียดในตะวันออกที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 13 เม.ย. 2567 ที่ผ่านมา โดยอิหร่านระดมยิงขีปนาวุธ และโดรนหลายร้อยลูกใส่อิสราเอล ซึ่งส่วนใหญ่ถูกสกัดไว้ได้ ดังนั้นความขัดแย้งดังกล่าวย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

 

 

 

ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวของประเทศต่างๆ ต่อสงครามครั้งนี้มีมากขึ้น โดยฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส ระบุว่า สหรัฐฯ โดย สส.สหรัฐเตรียมโหวตงบช่วยเหลือยูเครน-อิสราเอล มูลค่า 9.5 หมื่นล้านเหรียญฯ แม้ถูกคัดค้านหนัก

 

ส่วนยุโรปจ่อคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่ม โดยจะหารือต่อไปในวันจันทร์นี้ 22 เม.ย. เพื่อตอบโต้ต่อการที่อิหร่านใช้ขีปนาวุธและโดรนโจมตีอิสราเอล

 

ด้านฮูตีประกาศขยายดินแดนโจมตีรวมมหาสมุทรอินเดีย, ตอนใต้ของอิสราเอล จากเดิมที่ทำการโจมตีเรือสินค้าในบริเวณทะเลแดง

 

ขณะที่อิสราเอล สำนักข่าวที่น่าเชื่อถือได้รายงานว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐรายหนึ่งระบุ ว่า อิสราเอลไม่มีแนวโน้มที่จะดำเนินการโจมตีอิหร่าน จนกว่าจะสิ้นสุดเทศกาลปัสกาของชาวยิว นั้นหมายความว่า อิสราเอลจะโจมตีอิหร่าน หลัง 29 เม.ย.67 นี้

 

ดังนั้น ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส แนะจับตาความตึงเครียดดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นความเสี่ยงที่ไม่สามารถควบคุมได้ อีกทั้งพัฒนาการความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ดูจะมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

 

และแน่นอนว่า เมื่อมีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้น ย่อมส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวของไทยด้วยเช่นกัน ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี ระบุว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุที่อิหร่านยิงโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 13 เม.ย.เป็นต้นมา จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยลดลงต่อเนื่องจากระดับ 105,806 คนในวันที่ 13 เม.ย. ลดลงเหลือ 66,829 คน ในวันที่ 16 เม.ย.

 

ขณะที่ “ดร.วสุเชษฐ์ โสภณเสถียร” นายกสมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย หรือ รถเช่าเหมา สะท้อนภาพการท่องเที่ยวไทยในเวลานี้กับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ไว้อย่างน่าสนใจ

 

โดยเขากล่าวว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวไทยในขณะนี้ถือว่าดีขึ้นตามลำดับ เพราะมีนักท่องเที่ยวต่าวชาติโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่เกิดขึ้น อาจกระทบต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยวในตะวันออกกลางที่ต้องการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยด้วยเช่นเดียวกัน

 

“ต่างชาติที่เข้ามาก็เริ่มดีขึ้น ตลาดจีนเริ่มคึกคักมากขึ้นแม้ว่าจะมาเป็นกรุ๊ปทัวร์เล็กๆไม่ค่อยได้ใช้รถทัวร์เท่าไหร่ แต่ยอดก็เพิ่มขึ้นทางยุโรปเองทางตะวันออกกลางเองก็ดีขึ้น แต่ที่น่าห่วงอีกอย่างก็คือสถานการณ์ทางตะวันออกกลางที่จะเริ่มมีการยิงหรือเปล่าอะไรหรือเปล่า ตรงนี้ก็อาจจะทำให้การเดินทาง การท่องเที่ยว มันสวิงขึ้นได้”

 

นอกจากนี้ “ดร.วสุเชษฐ์” ยังได้กล่าวถึงนโยบายภาครัฐในการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยด้วยว่า ทำได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสงกรานต์ที่ประชาชนและนักท่องเที่ยวออกมาเล่นน้ำสงกรานต์กันเป็นจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตาม อยากให้ภาครัฐออกมาตรการสนับสนุนให้คนไทยเที่ยวในประเทศมากขึ้น เพราะในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาพบว่า ยอดคนไทยเดินทางออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น

 

“นโยบายการส่งเสริมการท่องเที่ยวตอนนี้ก็ดูดีขึ้นจากที่ผ่านมาที่มีความชัดเจนในการกระตุ้นการท่องเที่ยวต่างๆอย่างเช่นเทศกาลสงกรานต์คนก็ออกมาจับจ่ายใช้เงินกันเยอะขึ้น แต่ก็ฝากดูว่าคนไทยเดินทางออกไปเที่ยวต่างประเทศกันค่อนข้างที่จะเยอะกว่า อย่างเช่นช่วง 4 เดือนแรกตัวเลขเพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้วเกือบ 100% เลยจาก 6 ล้าน เป็น 12 ล้าน

 

ตรงนี้ก็ต้องมานั่ง ดูว่า จะทำอย่างไรให้คนไทยเที่ยวเมืองไทยเยอะขึ้นมีนโยบายอะไรกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศให้ดีขึ้น อย่างเช่น digital Wallet ที่ออกมาก็ไม่มีอานิสงค์อะไรที่เกี่ยวข้องกับการที่จะเอาเงินตรงนั้นมาใช้ในเรื่องของการท่องเที่ยวในเรื่องของการเดินทางอะไรได้เลย ถ้ามีสักส่วนนึง 20% เอามาแบ่งใช้ได้ก็จะเป็นการดีที่มีผลกับการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น”

 

จากนี้ต่อไปจะต้องจับตาสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด เพราะทุกครั้งที่มีสงครามหรือความไม่สงบเกิดขึ้น ย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกเชื่อมโยงมาถึงเศรษฐกิจไทยนั่นเอง

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube