แม้วันนี้(23เม.ย.) ครม.“รัฐบาลเพื่อไทย” โดย“นายกนิด”จะพอ “ขายผ้าเอาหน้ารอด”ไปได้อีกอย่างน้อยอีกพักใหญ่ อย่างน้อยก็เลยไปจากวันสว.หมดอายุ(11พ.ค.)แต่ไม่เลยไปจากวัน อัยการสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องคดี112 “ทักษิณ”(29พ.ค.) กับการมี มติครม.ดัน 2 โปรเจ็กต์ “เรือธง”ที่หาเสียงไว้ ทั้ง “ดิจิทัลวอเล็ต” และ “การแก้รัฐธรรมนูญ”โดยให้มีการทำประชามติ 3 ครั้ง และรวมถึงแอ๊คชั่นอนุมัติงบสำหรับการเลือกตั้ง สว. หากแต่ภายใต้ “ร่องรอยการเมือง”ความเคลื่อนไหว ที่เหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดีเพราะ “ผู้มีบารมีนอกรัฐบาล”อย่าง “ทักษิณ”
ที่แม้ “โพลนิด้า”จะบอกว่า การออกมา “ปล่อยแสง”เล่นบท“ศูนย์กลางอำนาจรัฐบาล”ที่ส่งสัญญานทั้ง “การบ้าน-การเมือง”ทั้งการปรับครม.แก้เศรษฐกิจหรือเดินเกมอำนาจ ไปยัง “ทำเนียบฯ”และ “พรรคเพื่อไทย”จะส่ง “ผลลบ”มากกว่า “บวก”และไม่ได้ทำให้ “รัฐบาล-เพื่อไทย”ได้แต้มเรตติ้งเพิ่ม หากแต่ “ทักษิณ”ก็ยังแอ๊คชั่น ในการ เช็คเรตติ้งในธีม“เลี้ยงหลาน”ไปเดิน “ห้างไอคอนสยาม”กับลูกและหลาน กลับปรากฎมี “สัญญานบางประการ”ไม่แต่ในเชิง “ปฏิกิริยา”จากผู้คน
“ฝั่งอนุรักษ์นิยม”ที่เป็น “โจษก์เก่า”จากที่ เงื้อง้า เพราะยังจำเป็นใช้บริการ “ทักษิณ”ในการสู้รบปรบมือกับ“พรรคเด็ก-ก้าวไกล”ใน “สถานีถัดไป”
ทั้ง การเลือกสว.กลางปี และ การเลือกตั้งท้องถิ่น นายกฯอบจ.ปลายปีนี้ไปก่อนทำท่าว่าจะหวดหมัดสาดแข้งใส่“ทักษิณ”และ “รัฐบาลเศรษฐา”อย่าง “มีสเต็ปอันเชื่อมโยง” จากการขยับชัดเจนยิ่งขึ้นอันผลส่วนหนึ่งจาก “เอฟเฟ็กต์”ที่มาทั้งจาก “ผู้คน”ใน “รัฐบาลเพื่อไทย”เองและจาก “ข้าราชการ”รวมถึง “องค์กรอิสระ” ที่กำลัง ถูก “ตั้งแท่น”สาดไฟใส่ ให้สังคมจับตาอย่าง “ปปช.”
โดยกระบวนการเชื่อมโยงถึงกัน ไล่เรียงตั้งแต่ปรากฎการณ์ “โจ๊ก กามิกาเซ่”การออกมา “สู้มือ”ที่ลุกลามบานปลายทางการเมือง อย่าง “มีนัยยะสำคัญ”ของ “บิ๊กโจ๊ก”รอง ผบ.ตร. ที่ถูกสั่งให้ “ออกราชการ”เพื่อตรวจสอบความผิด ซึ่งเหมือนเจตนา ลามไปยังกระบวนการของ“ปปช.”และ “นายกเศรษฐา”ที่บังเอิญมีหลายคดีที่พันตูทั้ง “นายกฯนิด”คาอยู่ใน “ระบบ”ของ “ปปช.” ในขณะอีกปม ที่ผลมาจากเอฟเฟ็กต์ “การปรับครม.”ที่ไม่ตรงปก ตามคอนเซ็ปต์ “ดีลกลับบ้าน”ที่มีข่าวจะ
มีการปรับ “บิ๊กทิน”รมว.กลาโหม เปลี่ยนไปให้ “นายกฯนิด”ที่จะปล่อยเก้าอี้ “ขุนคลัง”ควบแทน ผ่าน “สัญญาณรดน้ำทักษิณ”ที่เชียงใหม่และ “สัญญาน”การตั้งกรรมการติดตามความไม่สงบในพม่า ที่ไม่มีชื่อ รมว.กลาโหม
ทำให้จู่ๆ2วันก่อน“บิ๊กทิน”ออกมาเสนอผลักดัน “ปมร้อน”การแก้กฎหมายระเบียบกลาโหม ธีม เพื่อ สกัดการรัฐประหาร ก่อนจะเปรยดังผ่านสื่อช่อง3ว่า ถ้าเลือกได้ก็อยากทำงานตรงนี้ต่อ ไม่เท่านั้น ยังมี “สัญญาน”จากการมาขยับของ “หมอวรงค์”ประธานพรรคไทยภักดี ที่ไปร้อง ป.ป.ช.วันนี้(23เม.ย.)เพื่อให้ตรวจสอบกระบวนการช่วยเหลือ “ทักษิณ”ปม “ป่วยทิพย์”ที่โรงพยาบาลตำรวจ อันพุ่งเป้าไปที่กระทรวงยุติธรรม และ “นายกฯเศรษฐา”
ที่สัญญานความเคลื่อนไหว ข้างต้นถูกวิเคราะห์จาก “ตู่-จตุพร”คณะหลอมรวมฯ ว่า อาจเป็น “ชนวน”ไปสู่การ“ล้มกระดานรัฐบาล”ได้ โดยมองว่า ปรากฎการณ์เหล่านี้ที่เดือดระอุขึ้นในเมษายน จะเห็นได้ชัดเจนช่วง 20- 29 พ.ค.ถ้าไม่มีท่าทีใดๆ ของ “ทักษิณ”เกิดขึ้นมาอีก ซึ่งคาดว่า จะนำไปสู่ปัจจัยเสี่ยงต่อการยึดอำนาจและประชาชนตื่นตัวโดยอะไรจะเกิดขึ้นก่อนกันย่อมน่าสนใจ และประเมินว่า ปรากฎการณ์เมิน “บิ๊กทิน”และการแก้กฎหมายกลาโหม
จึงถูกตีความว่า รู้เห็นเป็นใจต่อกัน เพื่อสกัดการยึดอำนาจที่อาจก่อตั้งตั้งเค้าอยู่ จึงเท่ากับเป็นการสร้างแรงกระพือโหมขึ้นช่วงเมษาร้อนทั้งที่เรื่องนี้ไม่มีรัฐบาลไหนกล้าแตะต้อง ดังนั้น จึงไม่ต่างจากการสุมไฟใส่ทหารให้รุ่มร้อนขึ้น โดยมีบทเรียนครั้ง“พล.อ.อาทิตย์” เป็น รมช.กลาโหม แล้วเกิด รปห. ช่วง “รัฐบาล พล.อ.ชาติชาย” ปี 2534 มาแล้ว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
