ยังคงมี “เอฟเฟ็กต์” จาก 2 นโยบายเรือธงที่ผ่านมติ ครม. “รัฐบาลเศรษฐา” ไปเมื่อวาน (23 เม.ย.) อย่าง “โครงการแจกเงินดิจิทัลวอเล็ต 1 หมื่น” และการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ให้มีการประชามติ 3 ครั้งโดยเฉพาะประเด็น “ดิจิทัลวอเล็ต” ที่มีความก้ำกึ่งทางการเมือง ถูกมองลักษณะประเด็นไฮไลท์ในจุดอ่อนรัฐบาลทุกครั้งที่โดนตรวจสอบ
“คู่ขนาน” กับประเด็น “นช.ทักษิณ” ที่ปัจจุบันกลายเป็น “ผู้มีบารมีนอกรัฐบาล” ตั้งแต่ต้น “รัฐบาลเศรษฐา” ที่ด้านหนึ่งส่งผลกระทบ “ทางลบ” กับ “รัฐบาลเพื่อไทย” โดยเฉพาะ “ความน่าเชื่อถือ”ที่มีสภาพ “ติดลบ” มาตั้งแต่การ “พลิกขั้ว” สลัดทิ้ง “ก้าวไกล” มาตั้งรัฐบาลกับ “พรรค2ลุง” อยู่แล้ว
อย่างที่ “นิด้าโพล” สำรวจความเห็นประชาชนวันก่อน ทำให้ไม่แปลกว่าภาพที่ไม่ค่อยเห็นกับการมายืนแถลงพร้อมหน้าพร้อมตาของ “ผู้นำพรรคร่วมรัฐบาล” ถูกวิเคราะห์ นอกจากพยายามให้เห็นว่าทุกพรรคพร้อมสนับสนุน นโยบายแจกเงินหมื่นดิจิทัลวอเล็ตและพร้อมจะร่วมรับผิดชอบเมื่อไปสู่ปลายทาง การยกมือในสภาหรือแม้กระทั่งการต้องร่วมรับผิดชอบหากมีใครไปร้องให้ตรวจสอบเอาผิดที่อย่างน้อยก็มี “หลักประกัน” พรรคร่วมฯมาร่วมเป็นยันต์กัน “ฝ่ายราชการ” ที่เป็นกำลังของ “กลุ่มอนุรักษ์” ที่ผู้คนเพื่อไทยมองว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากับโครงการนี้มาตลอด
อย่างที่เมื่อวาน (23 เม.ย.) ก็ปรากฎ “เอกสารลับ” ที่ถูกระบุอ้างว่าออกมาจาก “แบงค์ชาติ”เพื่อส่งถึง ครม. ในท่วงทำนองจี้ให้มีการทบทวนโครงการโดยบอกควรทำแค่ 15 ล้านคนเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เหตุภาคบริโภคฟื้นตัวแล้ว โดยห่วงการก่อหนี้สูงภาระดอกเบี้ยรัฐต่อรายได้พุ่ง อาจทำให้ถูกหั่นเครดิตเรตติ้งลงจากระดับ Baa1และโครงการนี้จะทำการคลังมีความเสี่ยงระยะยาว
ทำให้วันนี้ฝ่ายเกี่ยวข้องต้องออกมาแจงไม่ว่าจะเป็น “รองนายกฯภูมิธรรม” ที่ออกตัวปฏิเสธรัฐบาลไม่ทราบเอกสารแบงก์ชาติหลุดค้านแจกเงินดิจิทัลโดยบอกหากเป็นเอกสารลับแล้วหลุดออกมาได้อย่างไร เพราะเอกสารลับก็คือเอกสารลับ ตนไม่ทราบเรื่องนี้ เพราะว่าไม่ได้ส่งหนังสือถึงรัฐบาลอย่างเป็นทางการ
และว่าไม่รู้ว่าเป็นเอกสารลับจริงหรือไม่ ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามสอบถามในที่ประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตแล้ว ซึ่งทางแบงก์ชาติก็บอกว่าไม่มีอะไรที่ชัดเจนและไม่มีอะไรส่งมา โดยได้มีการพูดคุยกันหลายส่วน และมีการพูดว่าการประชุมครั้งล่าสุดจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. แล้ว และ “ผู้ว่าแบงก์ชาติ”ก็ไม่ได้เข้าร่วมประชุม ซึ่งในที่ประชุมได้มีการพูดคุยและสรุปในที่ประชุมแล้วว่าทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามข้อสรุป และมีการบอกอีกว่าหากมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมให้ส่งก่อนวันประชุม ครม. ดังนั้นอาจไม่ใช่เอกสารจริง ไม่ควรให้ความสนใจแม้ว่าเอกสารจะระบุอย่างไรก็ตาม หากไม่ยื่นให้กับรัฐบาล ก็คงไม่ใช่เอกสาร
ซึ่งเมื่อวานนี้มีการแถลงผล ครม. เรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว โดยมี “หัวหน้าพรรคทุกพรรค” เข้าร่วมร่วมถึงสภาพัฒน์ ฯ และสำนักงบประมาณร่วมแถลงด้วย และไม่ได้มองว่าเป็นการดิสเครดิตรัฐบาลเพราะว่ายังไม่เห็นเอกสารที่ชัดเจน รวมถึงมองว่าไม่จำเป็นต้องไปตรวจสอบแต่ควรไปถามจากแบงก์ชาติว่ามีเอกสารลับจริงหรือไม่ ซึ่งหากบอกว่าจริงแล้วจะยื่นถึงรัฐบาลเมื่อไหร่ และทำไมถึงไม่ยื่นให้กับรัฐบาล เพราะอย่างน้อยการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตมีถึง 3 ครั้งแล้ว
ในขณะที่ฝั่งแบงค์ชาติวันนี้ แม้มีการออกมาย้ำจุดยืนจาก “ปิติ ดิษยทัต” ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธปท.ว่าไม่ขัดรัฐบาลในการดันโครงการนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ก็ยังติงกระบวนการวิธี และความชัดเจนที่ไม่ขัดกับกฎหมายโดยเฉพาะประเด็นที่รัฐบาลจะนำเงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไปใช้ที่ขณะนี้ก็มีขั้นตอนที่ต้องส่งเรื่องไปให้กฤษฎีกาตีความชัดเจน ก่อนว่าจะใช้ ม.28 กับมาตรการนี้ได้หรือไม่ที่ความเป็นห่วงของ “แบงค์ชาติ” ตามเนื้อหา “เอกสารลับ” มีปฏิกิริยาไปยังกลุ่มอนุรักษ์ไม่น้อยอย่างที่มีการออกมาติงของ “สว.สมชาย” ผ่านFB ว่า
ถึงเวลาคนไทยต้องใช้สมองเลือกครับจะเอาเงินดิจิทัลคนละ 1 หมื่นที่ต้องกู้มาแจก 5 แสนล้านบาท “โครงการหาเสียงตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ”ที่เราทุกคนต้องร่วมจ่ายหนี้พร้อมดอกเบี้ยอีกกว่าแสนล้านเพื่อใช้ละเลงเล่น สนุกสนานอิ่มชั่วครู่ชั่วยาม และยังมีปัญหาส่อทุจริตในระบบ หรือจะพัฒนาประเทศให้พัฒนายั่งยืน
ในขณะที่คนวงนอกอย่าง “อ.สมชัย” อดีต กมธ.งบประมาณโพสFB มองว่าโครงการภาพดิจิทัลวอลเล็ตเมื่อวาน เป็นเพียงลมพัดผ่านกอไผ่ และว่าที่แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลยังมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ไม่ใช่เพราะมีมติครม.ที่ผูกพันแล้วจะเอาเงิน ธกส. ยังต้องถามกฤษฎีกาอีกรอบ ซึ่งต้องลุ้นคำตอบว่าทำได้หรือไม่ งบปี 67 ที่จะเอามาก็ให้สำนักงบและกระทรวงการคลังไปหาแนวทาง
ส่วนซุปเปอร์แอปที่จะใช้ก็ให้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ไปเตรียมการโดยไม่ระบุว่าต้องใช้เงินเท่าไรเอาเงินจากไหน หากทำเสร็จแล้วไม่ได้ใช้ ใครจะรับผิดชอบเงินที่จ่ายไปมติต่าง ๆ ที่เป็นทางการของ ครม. จึงยังต้องรอให้ทุกเรื่องนิ่งแล้วนำเสนอ ครม.เพื่อให้มีมติที่เป็นทางการอีกครั้ง อาจจะเป็นเดือนกันยายน วันนั้นถ้ากล้าเรียงหน้ามายืนแถลงพร้อมเสียงหัวเราะ ถึงเชื่อได้ว่ามีเงินให้ประชาชนจริง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews