Home
|
ข่าว

“ทักษิณ” ผู้มากบารมี ปรับครม. ดันเชื่อมั่น เงินดิจิทัลวอลเล็ต

 

 

 

 

 

 

จับสัญญาณการเมืองไทย หลังอดีตนายกฯทักษิณ ร่วมรับประทานอาหารกลางวันที่โรงแรมย่านเพลินจิต กับคีย์แมนคนสำคัญของพรรคเพื่อไทย

 

 

 

 

 

อย่างนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง, นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ซึ่งเป็นห้วงจังหวะที่ข่าวปรับคณะรัฐมนตรีดังกึกก้อง เกมนี้หลายฝ่ายมองบทบาทของอดีตนายกฯทักษิณบนสมการทางการเมือง หลังจากที่เขาถูกยกย่องให้เป็น “ผู้มากบารมี” มีความ “เก่ง” และ “เก๋า” จนถูกจับตาว่าจะเข้ามาเป็น “กุนซือ” ให้กับรัฐบาลเพื่อไทย ร่วมคิด ร่วมสร้างนโยบายเศรษฐกิจ ครั้นได้รับการปล่อยตัวออกจากโรงพยาบาลตำรวจตามหลักเกณฑ์ของกรมราชทัณฑ์ กลับสู่ฐานที่มั่น “บ้านจันทร์ส่องหล้า”

 

สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. คุยกับ “รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย” อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ถึงบทบาทของอดีตนายกฯทักษิณกับการปรับคณะรัฐมนตรี โดย “รศ.ดร.ยุทธพร” กล่าวว่า อดีตนายกฯทักษิณมีบทบาทในการให้คำแนะนำปรึกษาวางยุทธศาสตร์ให้กับรัฐบาล แต่ท้ายที่สุดแล้ว

 

ทั้งหมดก็ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินสินใจของนายกรัฐมนตรี พร้อมมองว่า การปรับครม.โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงเศรษฐกิจ อย่างกระทรวงการคลัง ก็เพื่อต้องการที่จะขับเคลื่อนนโยบาย Digital Wallet ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของรัฐบาลให้ประสบความสำเร็จ

 

“ผมคิดว่าคุณทักษิณก็คงมีบทบาทในการให้คำแนะนำปรึกษาในการที่จะวางยุทธศาสตร์ของรัฐบาล แต่ก็ไม่ถึงขั้นว่าคุณทักษิณจะกำหนดทุกอย่างได้ เพราะว่าในระดับนึงก็ต้องเป็นการตัดสินใจของคุณเศรษฐาด้วย แล้วก็ตรงนี้ก็เป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการที่จะขับเคลื่อนผลงานของรัฐบาลในการปรับรัฐคณะมนตรีครั้งนี้

 

ผมคิดว่าต้องมี 3 กลุ่มที่จะมีการปรับ 1.ก็คือปรับ 2.ก็คือขยับ และ 3.ก็คือเสริมทัพ ในส่วนของการปรับก็มีการประเมินถึงเรื่องของผลงานที่ผ่านมา 6-7 เดือน แล้วก็ตำแหน่งต่างๆ อาจจะมีรัฐมนตรีบางส่วนที่ถูกปรับออกไป

 

ในขณะที่ขยับก็คือเป็นการสลับกระทรวงสลับตำแหน่งเพื่อให้เกิดความเหมาะสมในการที่จะเดินหน้าหรือ ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ต่างๆ แล้วก็เสริมทัพก็จะเป็นเรื่องของการเพิ่มบุคคลเข้ามาโดยเฉพาะในกระทรวงหลักหลักที่จะต้องขับเคลื่อนนโยบายหลักของรัฐบาลอย่างเช่น Digital Wallet เป็นต้น เราก็จะเห็นได้ว่าในกระทรวงการคลัง ก็เป็นอีกกระทรวงนึงที่จะมีการเปลี่ยน แล้วก็เพิ่มเติมบุคคลเข้ามาค่อนข้างเยอะ เพราะว่าเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญของรัฐบาล”

 

นอกจากนี้ “รศ.ดร.ยุทธพร” ยังได้กล่าวถึงความเป็นผู้มีบารมีทางการเมืองของอดีตนายกฯทักษิณด้วยว่า ด้วยสายสัมพันธ์ทางการเมือง เศรษฐกิจและกลุ่มทุน ถือว่า อดีตนายกฯทักษิณมีจุดเด่นในส่วนนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่สามารถที่จะกำหนดอะไรต่างๆได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นจึงเป็นการให้คำแนะนำและเป็นปรึกษาให้กับพรรคเพื่อไทยมากกว่า

 

“คุณทักษิณคือผู้มีบารมีทางการเมืองแล้วก็ทางเศรษฐกิจ รวมไปถึงการมีสายสัมพันธ์ทางการเมือง ทางเศรษฐกิจ กลุ่มทุนธุรกิจอะไรต่างๆด้วย แล้วก็เป็นผู้ให้คำแนะนำสำหรับผู้คนในพรรคเพื่อไทย แล้วก็ในรัฐบาล แต่ว่าคุณทักษิณก็คงไม่สามารถจะกำหนดอะไรได้ทั้งหมด 100% ก็คงจะต้องเป็นการหารือร่วมกันโดยเฉพาะท่านนายกฯก็จะต้องเรียกว่ายอมรับ หรือว่าเป็นคนซึ่งจะเห็นด้วยกับคำแนะนำเพราะการตัดสินใจสุดท้ายยังไงก็ต้องอยู่ที่นายกฯอยู่ดี ดังนั้นถึงแม้ว่าจะคุณทักษิณมีบารมี แต่ว่าคงไม่ถึงขั้นที่จะบอกว่าคุณทักษิณชี้ได้ทุกอย่าง หรือกำหนดอะไรได้ทุกอย่าง อาจจะเป็นลักษณะของการให้คำแนะนำปรึกษามากกว่า”

 

และเมื่อถามว่าท้ายที่สุดแล้ว ประชาชนได้อะไรจากการปรับคณะรัฐมนตรีเศรษฐา 1 คำตอบที่ได้ น่าสนใจ

 

“สิ่งที่ประชาชนจะได้คือผลงานที่รัฐบาลพิสูจน์หลังจากนี้ โดยเฉพาะผลงานทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ ประชาชนรออยู่ ตลอด 6-7 เดือนที่ผ่านมาแน่นอนข้อวิจารณ์ในเรื่องผลงานก็เป็นสิ่งที่สำคัญของรัฐบาล แล้วก็ตรงนี้ก็จะเป็นประเด็นเรื่องความชอบธรรมทำการเมืองด้วย เพราะฉะนั้นผลงานหลังจากนี้ไปเมื่อปรับคณะรัฐมนตรีแล้วก็เป็นบทพิสูจน์ว่าประชาชนจะได้อะไร แล้วก็การที่เป็นบทพิสูจน์ตรงนี้ก็จะส่งผลต่อในแง่ความชอบธรรมของรัฐบาลด้วยเช่นเดียวกัน”

 

จากนี้ต่อไปจะต้องจับตาการปรับคณะรัฐมนตรีเศรษฐา 1 อย่างใกล้ชิด เพราะเป็นห้วงจังหวะที่อดีตนายกฯทักษิณถูกยกย่องให้เป็นผู้มากบารมี นั่นเพราะทุกสมการของการปรับครม.ที่เกิดขึ้น ย่อมสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ยึดโยงกับเศรษฐกิจไทยนั่นเอง

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube