“ประมวลผลเบื้องต้น” ผ่านปฏิกิริยา “กระเพื่อมไหว” และกลายเป็นเอฟเฟ็กต์ “ความไม่เรียบร้อยลงตัว” พลันเมื่อได้ยลโฉมหน้า “ครม.เศรษฐา1/2” (หนึ่งทับสอง) ที่ออกมาเมื่อวาน (28เม.ย.)
จากทั้งผู้คนใน “พรรคเพื่อไทย” มวลชน FC ไปยัน “วงนอก” ในหลายแวดวงการเมืองนักวิชาการ เกจิ- กุนซือการเมืองทุกปีกขั้วการเมือง แม้จะมีภาพการ “ปรับลุค” ที่เน้นน้ำหนักไปที่ “ทีมเศรษฐกิจ” ตามคอนเซ็ปต์เพื่อไทยที่ไม่พลิกโผกับการเปลี่ยนตัว “ขุนคลังคนใหม่” “พิชัย ชุณหวชิร” พร้อม เติมรมช.คลัง “เผ่าภูมิ” มาเพิ่ม
รวมเป็น 3 รมต.กระทรวงคลัง เช่นเดียวกับการเพิ่ม รมต.ประจำสำนักนายกฯมาอีก 3โดยมี “พิชิต ชื่นบาน” อดีตทนายทักษิณ ร่วมทีม ทำท่าว่าภาพรวมจะ ออกมาในทรงผลกระทบ “ทางลบ” หลังจากนี้ มากกว่า “ทางบวก”
ไม่แต่ในเชิงรูปธรรมทาง “กายภาพ” ที่ปรากฏอันเป็นผลกระทบจากการยื่นใบ “ลาออก” จากตำแหน่ง “รมว.ต่างประเทศ” ของ “ปานปรีย์” ที่ถูกมองเป็นสายตรงได้รับความไว้วางใจจาก “ทักษิณ” “ศูนยอำนาจจันทร์ส่องหล้า” โดยฉับพลัน เมื่อวาน (28เม.ย.) ที่ไม่แต่จะส่งผลต่อ “ภาพลักษณ์” ของการ “ปรับครม.”
ครั้งนี้ที่เสียหายจากร่องรอยปัญหาความไม่พอใจที่ การบริหารจัดการอำนาจทั้ง “หน้าม่าน” และ “หลังม่าน” ของฝ่ายอำนาจ อัน ปะทุออกมาจาก “พรรคแกนนำ” อย่าง “เพื่อไทย” เอง
ซึ่งในทางการเมืองถูกมองเป็นการปรากฏของ “รอยร้าว” ที่ขยายเป็น “รูรั่ว” “รัฐนาวาเศรษฐา1/2”ที่ต้องออกอาการ “ชะงัก” ไปไม่เป็นกับจังหวะ “สุญญากาศรัฐมนตรี” ที่ “ครม.ใหม่” รัฐมนตรีที่มาใหม่ หรือ สลับกระทรวง ต้องผ่านกระบวนการขั้นตอนเพื่อเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้ในวันนี้วันพรุ่ง โดยเฉพาะในเรื่อง
“การจัดการ” ในทาง “การบ้าน” การประชุมครม.พรุ่งนี้ (30เม.ย.) ที่ต้องถูกเลื่อนออกไปก่อนระหว่าง “การเปลี่ยนผ่านครม.” ยิ่งมีกรณี “ปานปรีย์” ลาออกส่งผลให้ต้องหา “รมว.ต่างประเทศ” มาแทนที่
กระนั้นในมิติ “การเมือง” สำหรับ การปรับ ครม. เศรษฐา1/2 รอบนี้ที่เกิด “แรงกระเพื่อม” จากภายในเพื่อไทยเองมากกว่ากระเพื่อมจาก “พรรคร่วมรัฐบาล” ที่ส่วนใหญ่มาจาก “รัฐบาลเก่า” ของ “ลุงตู่” ถูกจับตาว่าปรากฏ “เอฟเฟ็กต์แรง” มากกว่าที่เคยเป็นตั้งแต่สมัยไทยรักไทย และอาจขยายลุกลามเป็นปัญหาหลังจากนี้ เพราะไม่แต่กรณี “ปานปรีย์” ที่ถือว่า “หักแรง” ของแทร่
รอประกาศโผครม.ชัดเจนแล้วถึงยื่นลาออก ก่อนหน้านี้ยังมี “บิ๊กทิน” ที่ “ปล่อยของ” ออกมาก่อนถึงวัน “ไฟนอล”โผครม.ไม่นับรวมอาการของ “หมอชลน่าน” ที่ออกมาทำนอง “เสร็จนาฆ่าโคถึกเสร็จศึกฆ่าหมอชลน่าน” ทั้งๆ ที่ออกหน้าเปลืองตัวเพื่อพรรคเพื่อไทยในการตั้งรัฐบาลพลิกขั้วมาตลอด ที่ข้างต้นยังไม่นับรวม “เอฟเฟ็กต์” ที่จะลุกลามจาก “ตำบลกระสุนตกใหม่” ที่พุ่งไปที่ “พิชิต” อย่างที่ คปท.เตรียมไปยื่นตรวจสอบการขาดคุณสมบัติรัฐมนตรี กับ กกต.พรุ่งนี้ (30เม.ย.)
และแม้ว่า “เศรษฐา” ที่นอกจากจะรีบออกมา “ขอโทษ” ปานปรีย์ โดยบอกจะทำความเข้าใจแต่ก็เตรียมคนไว้รองรับได้ ยืนยัน การ ปรับ ครม.ครั้งนี้ ไม่ผิดฝาผิดตัว เตรียมงานรองรับคนที่หลุดจากโผ ครม. เป็นเรื่องภายในพรรค พร้อมรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย ย้ำไม่ขัดแย้งรมต.คนใด เป็นหน้าที่ของตนเอง
ในการบริหารเรื่องความคาดหวัง และหน้าที่ใหม่ ๆ ควบคู่กับ “อุ๊งอิ๊งค์” หัวหน้าเพื่อไทย ที่ได้พูดคุยกันตลอดถึงแรงกระเพื่อมที่อาจเกิดขึ้น ในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลง ตนเองรับฟังข้อคิดเห็นจากทุกฝ่าย
แต่หลายฝ่าย ก็ประเมินคล้ายกัน ว่าจะยังคงมีแรงกระเพื่อมจากการปรับครม.ครั้งนี้ตามมาหลังจากนี้ไม่แต่กรณี “ปานปรีย์” หรือ “พิชิต” เช่น “อ.สมชัย” ที่โพสต์FB ว่า “การตัดสินใจลาออกของปานปรีย์น่าจะเป็นเรื่องของการไม่คุย ไม่ให้เกียรติ อยากตั้งก็ตั้ง อยากเอาออกก็เอาออก ซึ่งเขารับไม่ได้…ปรับ ครม.ครั้งนี้ จึงดูเหมือนรัฐบาลจะขาดทุนมากขึ้น เพราะหน้าตาคนมาใหม่หลายคนประชาชนก็ส่ายหน้า ยิ่งปานปรีย์ลาออกอีก ยิ่งเสียโอกาสได้คนเก่งและทุ่มเทมาอยู่ใน ครม.เข้าใจและให้กำลังใจเพื่อนปานปรีย์ครับ.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews